สำหรับเรื่องของอาหารและเครื่องดื่มในโรงแรมนั้น อาจจะมีบางโรงแรมที่แตกต่างออกไป แต่ที่พี่สมาร์ทจะพูดถึงนั้น เป็นสิ่งที่โรงแรมส่วนใหญ่มีกัน จะมีอะไรบ้าง ไปดูกันครับ
อาหารเช้า
ถึงโรงแรมจะคิดค่าอาหารเช้ารวมอยู่ในค่าห้องแล้ว(RB) แต่จะมีบางครั้งที่โรงแรมก็ปล่อยขายแค่ห้องอย่างเดียว(RO) เพื่อให้แน่ใจ คนโรงแรมจึงต้องคอยตรวจดูอยู่เสมอว่าห้องพักที่จองมานั้น Including Breakfast ไว้หรือไม่
ประเภทของอาหารเช้า
Buffet หรือ BBF(Buffet Breakfast) : การมีอาหารเช้าให้ทานแบบบุฟเฟต์ ลูกค้าก็สามารถเลือกทานอาหารได้อย่างหลากหลาย
A La Carte : การมีอาหารแบบอาลาคาร์ทในโรงแรม ถือเป็นการเปิดโอกาสให้เชฟในโรงแรมได้โชว์ฝีมือในทุกเมนูที่ลูกค้าสั่ง หรือแม้กระทั่งทำให้ลูกค้าติดใจจนอยากจะสั่งในมื้อต่อๆ ไป
อาหารเช้าแบบ Buffet หรือ A La Carte ยังสามารถแยกออกมาได้เป็น
ABF (American Breakfast) : อาหารเช้าแบบอเมริกัน และ CBF (Continental Breakfast) : อาหารเช้าแบบยุโรป (อ่าน ว่าด้วยเรื่องอาหารเช้า ABF และ CBF ต่างกันอย่างไร?)
นอกจากนี้ยังมีการจัดอาหารแบบ Set Menu : ใน 1 Set อาจประกอบไปด้วยขนมปัง อาหารจานหลัก ของหวาน เครื่องดื่ม ฯลฯ แล้วแต่ทางโรงแรมจะจัดให้ลูกค้าเลือก และไม่สามรถเติมได้
สำหรับพี่สมาร์ท มองว่า ‘อาหารเช้า’ เป็นสิ่งสำคัญมากในการสร้างความประทับใจให้ลูกค้า อย่าคิดว่าสิ่งนี้เป็นแค่ของแถม และไม่สำคัญอะไรเด็ดขาด เพราะนี่เป็นสิ่งที่แขกนิยมถ่ายรูปไปลงรีวิว ยิ่งโรงแรมไหนมีร้านอาหารด้วยแล้ว อาหารเช้า จะเป็นตัวช่วยให้สามารถเพิ่มยอดขายของร้านอาหารในมื้อกลางวันและมื้อเย็นต่อไปอีก
เครื่องดื่มประเภท ‘ฟรี’ และ ‘ไม่ฟรี’
Welcome Drink : โรงแรมมักให้ลูกค้าตอนเช็คอิน บางที่ก็ให้เป็นคูปองสามารถนำไปใช้ใน Lobby Bar เมื่อไหร่ก็ได้ตลอดการเข้าพัก บางที่ก็นำไปวางไว้ให้ในห้องพัก หรืออนุญาตให้ลูกค้าหยิบของจาก Minibar ได้ฟรี 1 ชนิดโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายตรงนั้น ขึ้นอยู่กับวิธีการของแต่ละโรงแรมครับ
Complimentary Drinking Water : ส่วนใหญ่แล้ว โรงแรมจะให้น้ำเปล่าวันละ 2 ขวด ต่อ 1 ห้อง (บางทีก็ให้น้ำฟรีอยู่นอกตู้เย็น ส่วนที่ใส่ไว้ในตู้เย็นเป็นน้ำแร่ของ Minibar ที่เปิดปุ๊บเสียตังค์ปั๊บ) บางที่ก็จะแขวนป้ายกระดาษไว้ที่คอขวดว่า complimentary เพื่อป้องกันความสับสนของลูกค้า
Minibar : เครื่องดื่มที่วางเอาไว้ในห้องพัก เพื่ออำนวยความสะดวกให้ลูกค้า และยังเป็นช่องทางการเพิ่มรายได้ของโรงแรมอีกด้วย แต่เดี๋ยวนี้บางโรงแรมก็คิดค่าห้องพักรวมกับค่า minibar ไปด้วยเลย โดยแจ้งเอาไว้ตอนที่ลูกค้าทำการจอง
อาหารประเภท ‘พิเศษ’
Gala Dinner : โรงแรมมักจะจัดเฉพาะเทศกาลใหญ่ๆ ให้ผู้ที่สนใจสามารถเข้าร่วมได้ตามความสมัครใจ โดยจะมีการรับประทานอาหารที่ค่อนข้างหรูหรา พร้อมเพลิดเพลินไปกับบรรยากาศที่โรงแรมตระเตรียมเอาไว้
Compulsory Gala Dinner : เป็นกาล่า ดินเนอร์ แบบบังคับจ่าย หมายถึง หากลูกค้าเข้าพักในคืนที่โรงแรมกำหนดเอาไว้ว่าจะจัดกาล่า ดินเนอร์ ทุกคนที่เข้าพักจะต้องจ่ายค่า Gala Dinner ไม่ว่าลูกค้าจะเข้าร่วม Gala Dinner หรือไม่ก็ตาม แต่สมัยนี้ก็มีบางโรงแรมที่ไม่ได้บังคับจ่ายแล้ว แต่จะมีลูกค้าประเภทที่ไม่ได้จ่าย แต่จะเข้ามาทานอาหารที่จัดไว้แทน
Gala Dinner ที่นิยมมากที่สุดคือคืนวันส่งท้ายปีเก่า (31 ธันวาคม) และวันคริสต์มาสอีฟ (24 ธันวาคม) นอกจากนี้หากเป็นสุโขทัยหรือเชียงใหม่ จะมีในคืนวันลอยกระทงของแต่ละปีด้วย บางโรงแรมก็มีวันวาเลนไทน์ วันตรุษจีน(เฉพาะคนจีนต้องจ่าย) อีกด้วย
ไม่พลาดทุกข่าวสาร และบทความดีๆ จาก Smart Finder อัพเดทตรงถึงเมล์คุณ เพียงแค่กรอกอีเมล์ลงไปในช่องด้านล่างเท่านั้น
[mc4wp_form id=”6960″]
จัดทำโดย Smart Finder
Smart Finder a hotel software leader, modern innovative and best choice for your hotel.
Smart Finder ผู้นำด้านซอฟต์แวร์โรงแรมที่ทันสมัย และเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดสำหรับโรงแรมของคุณ