ในโรงแรมแต่ละที่ก็จะมีการเรียกชื่อห้องที่แตกต่างกันไป แต่ทุกโรงแรมมีประเภทห้องพักที่เป็นมาตรฐานเดียวกันแน่นอน และชื่อประเภทของห้องพักนั้นก็ยังบ่งบอกถึงระดับของห้องนั้นๆ ได้อีกด้วย ส่วนจะมีอะไรบ้าง ตามไปอ่านกันครับ
ระดับของห้องพัก (Room Category)
คนโรงแรมมือใหม่อาจจะสับสนอยู่บ้างว่าแต่ละห้องมีความแตกต่างกันอย่างไร วันนี้พี่สมาร์ทจะมาชี้แจงแถลงไขให้ครับ ซึ่งจะขอยกตัวอย่างตามมาตรฐานที่มีอยู่ (บางโรงแรมอาจมีไม่ครบ) โดยเรียงลำดับจากราคาถูก—>แพง ตามรูปภาพ
ทีนี้จะขออธิบายห้องแต่ละประเภท ตามลำดับดังนี้
Standard Room เป็นห้องพักที่มีขนาด และการตกแต่งตามมาตรฐานทั่วไป ซึ่งอาจจะแบ่งย่อยเป็นเตียงเดี่ยว เตียงคู่ ฯลฯ ได้ โรงแรมส่วนใหญ่มีราคาเริ่มต้นจากห้องประเภทนี้
Superior Room ลักษณะเหมือนห้อง Standard แต่จะมีทัศนียภาพที่ดีกว่า หรือเตียงมีขนาดใหญ่กว่าห้อง Standard ราคาจึงสูงกว่ากันเล็กน้อย
Deluxe Room ขนาดห้องอาจจะเท่ากันหรือกว้างกว่าห้อง Standard แต่จะเป็นห้องที่ดีที่สุดของโรงแรม เช่น ได้รับการตกแต่งให้สวยงามเป็นพิเศษ มีขนาดเตียงใหญ่เป็นพิเศษ หรือมีสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ในห้อง แล้วยังสามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์ในมุมที่สวยที่สุดของโรงแรมแห่งนั้นได้จากห้องพักอีกด้วย จึงเป็นห้องที่มีราคาสูงที่สุดในโรงแรม
ความจริงแล้ว ทั้ง Standard, Superior และ Deluxe จะเหมือนกัน แตกต่างกันที่ขนาด และความหรูหราเท่านั้น โรงแรมบางแห่งจึงอาจจะไม่มี Standard และ Superior แต่ไปเริ่มที่ Deluxe เลยก็ได้ (แต่ไม่ได้แปลว่าโรงแรมนั้นมีแต่ห้องหรูนะครับ จะต้องดูที่ระดับของโรงแรมเองด้วย เพราะชื่อห้องสามารถตั้งกันเองได้อยู่แล้วครับ)
Suite Room อ่านว่า สวีท นะครับ หลายคนอาจจะนึกว่ามันคือห้องที่หรูหรา แต่ความจริงแล้ว Suite รูม หมายถึง ห้องที่มีส่วนของห้องนั่งเล่นอยู่ด้วย ปกติแล้วห้องทั่วไป พอเปิดประตูเข้าไปก็จะเจอเตียง และห้องน้ำ แต่ Suite Room จะมีห้องนั่งเล่นอยู่ด้วย โดยจะแยก โซฟา ตู้เย็น โทรทัศน์ โต๊ะเขียนหนังสือ ฯลฯ ออกไปอีก อาจจะมีอะไรคั่นหรือไม่มีก็ได้ เช่น หากจองห้อง Deluxe แขกจะต้องนอนดูทีวีบนเตียง แต่ถ้าห้อง Suite จะมีโซฟาให้นั่งดูทีวีแยกต่างหาก ห้องประเภทนี้จึงมีขนาดกว้างกว่าห้องประเภทอื่นๆ นั่นเอง
Villa Room เป็นบ้านพัก รีสอร์ตขนาดใหญ่ โดยจะแยกส่วน Hotel กับ Villa ออกจากกัน ห้องพักจะรวมกันอยู่ในอาคารใหญ่ของโรงแรม แต่ Villa จะเป็นอาคารแยกออกมา มีความเป็นส่วนตัวมากกว่า และราคาก็มากกว่าด้วยเช่นกัน บางแห่งก็เรียกว่าบังกะโล แต่ด้วยภาพลักษณ์ของบังกะโลจะค่อนข้างเป็นแบบ Local กว่า Villa ที่ดูหรูหรา
Pavilion เปรียบได้กับ Villa ที่อัปเกรดขึ้นมาอีก คือ เป็นบ้านพักที่มีพร้อมทุกสิ่งอย่าง เรียกได้ว่า หากเตรียมเสบียงไปทำกินเอง ก็อยู่ได้ไม่ต้องออกไปข้างนอกอีกเลย ห้องพักประเภทนี้จึงมีขนาดใหญ่ที่สุดนั่นเอง
ส่วนใหญ่แล้วชื่อห้องพักมักจะมีคำอื่นมาผสมรวมอยู่ด้วย และควรจะแปลความหมายได้ตรงตัว เพื่อป้องกันการสับสนครับ
Pool (Suite, Villa, Pavilion) เป็นห้องที่มีสระว่ายน้ำส่วนตัวในห้อง
Pool Side (Deluxe, Suite) เป็นห้องที่อยู่ข้างสระว่ายน้ำ และมักจะอยู่ที่ชั้น 1
Pool Access (Villa, Suite) เป็นห้องที่มีทางลงสระว่ายน้ำส่วนตัว ประมาณห้องพักที่ระเบียงมีบันไดให้เดินลงสระได้เลย
Pool View Room เป็นห้องที่สามารถมองจากหน้าต่างห้องจะเห็นสระว่ายน้ำ
Beach View, Sea View, Ocean View Room เป็นห้องที่สามารถมองจากหน้าต่างห้องจะเห็นทะเล
Mountain View เป็นห้องที่สามารถมองจากหน้าต่างห้องจะเห็นภูเขา
Beach Side เป็นห้องที่อยู่ริมหาด
Jacuzzi (Room, Deluxe, Suite) เป็นห้องที่มีอ่างจากุชชี่ในห้องส่วนตัวเลย
Family Room เป็นห้องพักสำหรับครอบครัว มีทั้งเตียงคู่สำหรับพ่อ-แม่ แลมีเตียงเดี่ยวสำหรับลูกอีก 1-2 เตียง นอกจากนี้ยังมีห้องพักแบบ Grand Family Suite สำหรับครอบครัวที่พา ปู่-ย่า ตา-ยาย มาด้วย โดยจะเพิ่มเตียงขนาดใหญ่เข้ามาอีก 1 เตียง
ที่จริงแล้วในปัจจุบันก็มีห้องพักประเภทอื่นๆ เพิ่มเข้ามาตามแต่ละโรงแรม เช่น ห้องพักที่เป็นแพริมน้ำ ห้องพักที่อยู่กลางน้ำ ห้องพักใต้ทะเล หรือแม่แต่ห้องพักบนต้นไม้ เป็นต้น เหล่านี้ก็เป็นการยกระดับห้องพักไปอีกขั้น เพื่อตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ของแขกให้มีความหลากหลายมากยิ่งขึ้น
ไม่พลาดทุกข่าวสาร และบทความดีๆ จาก Smart Finder อัพเดทตรงถึงเมล์คุณ เพียงแค่กรอกอีเมล์ลงไปในช่องด้านล่างเท่านั้น
[mc4wp_form id=”6960″]
จัดทำโดย Smart Finder
Smart Finder a hotel software leader, modern innovative and best choice for your hotel.
Smart Finder ผู้นำด้านซอฟต์แวร์โรงแรมที่ทันสมัย และเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดสำหรับโรงแรมของคุณ