ปี 2018 กำลังจะมาถึงแล้ว คุณพร้อมรับมือกับเทรนด์การตลาดโรงแรมที่กำลังจะเกิดขึ้นหรือยัง?
1. วิดีโอสำคัญกว่ารูปภาพ
กระแสวิดีโอได้รับความนิยมสูงมาก โดยพบว่ามีคนแชร์วิดีโอเฉลี่ย 89.5% ซึ่งความยาวของวิดีโอไม่ควรเกิน 5 นาที
แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ จะทำอย่างไรให้คนมาหยุดอยู่ที่วิดีโอของคุณ และดูจนจบให้ได้ (จากสถิติพบว่าคนจะดูเพียง 10 วินาทีแรกก่อนจะตัดสินใจว่าจะดูต่อจนจบคลิปหรือไม่)
และถ้าคุณลงวิดีโอใน Facebook ที่ปรับอัลกอริทึ่มมาให้น้ำหนักกับเนื้อหาวิดีโอมากเป็นพิเศษอีก การทำวิดีโอจึงมีแนวโน้มจะพัฒนาและเติบโตมากขึ้นเรื่อยๆ
2. รีวิวดี มีชัยไปกว่าครึ่ง
คุณควรจะส่งเสริมให้ลูกค้าที่เข้าพัก ช่วยบอกเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับโรงแรมของคุณผ่านช่องทางออนไลน์ต่างๆ แม้แต่สนับสนุนนักรีวิวหรือบล็อกเกอร์ให้เข้ามาสัมผัสบรรยากาศของโรงแรมคุณ เพื่อนำไปเป็นข้อมูลเขียนรีวิวด้วย ไม่จำเป็นต้องเป็นดาราดังหรือมีชื่อเสียงมากมาย ตรงกันข้าม แค่เป็นลูกค้าที่เข้าพักจริงจะดูจริงใจกว่า เพราะถือว่าเป็นลูกค้าเหมือนกันนั่นเอง
3. Facebook เป็นเครื่องมือทางการตลาดที่สำคัญ
ด้วยจำนวนผู้ใช้งานทั้งหมดกว่า 2 พันล้านคนต่อเดือนของ Facebook ซึ่งมากพอจะเป็นช่องทางสำหรับนักการตลาดโรงแรม หรือแม้แต่ธุรกิจอื่นๆ ถ้าเลือกกลุ่มเป้าหมายได้ตรงจุดก็มีโอกาสเข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้อย่างมหาศาล
4. Website Personalization
จะเป็นอีกขั้นของการทำเว็บไซต์ โดยจะใช้ประวัติการท่องเว็บของผู้ใช้งานแต่ละคน แล้วประมวลผลออกมาให้เป็นหน้าเว็บที่ตอบโจทย์เฉพาะแต่ละบุคคล ซึ่งหน้าจอของผู้ใช้งานแต่ละคนจะแสดงผลไม่เหมือนกัน รวมไปถึง content ต่างๆ ด้วย เรียกได้ว่าเป็นการทำ Personalization อย่างเต็มรูปแบบเลยทีเดียว
5. Mobile ยังคงสำคัญ
คนยังคงใช้โทรศัพท์เล่นอินเตอร์เน็ตมากกว่าจอคอมพิวเตอร์ 1.5 เท่า คนส่วนใหญ่มักจัดการเรื่องต่างๆ บนมือถือ และมีแนวโน้มจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพราะฉะนั้นการรองรับการดูผ่านมือถือยังคงเป็นเรื่องที่จำเป็นและสำคัญมาก
6. จ่ายเงินสะดวก
ที่ประเทศจีนกลายเป็นสังคมไร้เงินสดไปแล้ว และได้รับเสียงตอบรับจากผู้บริโภคดีซะด้วย เพราะนอกจากจะช่วยอำนวยความสะดวกแล้ว ยังช่วยให้ไม่ต้องกังวลกรณีลืมหยิบเงินสดมา ทำเงินหาย หรือที่เลวร้ายกว่านั้นอย่างถูกปล้น ซึ่งประเทศไทยเองก็มีแนวโน้มจะก้าวเข้าสู่การจ่ายเงินด้วยสมาร์ทโฟนในอนาคต โรงแรมของคุณจึงควรมีช่องทางการจ่ายเงินออนไลน์เพื่อความสะดวกและรวดเร็ว
7. แชทบอท(Chatbot)เป็นสิ่งที่ต้องมี
การใข้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยอำนวยความสะดวกให้กับลูกค้า โดยเฉพาะแพลตฟอร์มการแชทที่สร้าง Engagement ปัจจุบันมีผู้ใช้งาน Facebook Messenger 1.3 พันล้านคน และจากสถิติจำนวนข้อความที่พูดคุยเชิงธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นการสั่งซื้อสินค้า การรับออเดอร์ การแจ้งชำระเงิน ฯลฯ ในแต่ละเดือนมีจำนวน 2 พันล้านข้อความ ไม่ใช่แค่ facebook เท่านั้น แต่ยังรวมถึงการแชทบนหน้าเว็บไซต์ด้วย
สิ่งที่แบรนด์ควรรจะรีบคิดก็คือ จะนำแชทบอทใส่ลงไปในแผนการตลาด งานขาย และการบริการลูกค้า ไปใช้กับธุรกิจของตัวเองอย่างไร และรีบทำออกมาใช้ให้เร็วที่สุด จากการเก็บข้อมูล พบว่า การใช้แชทบอทจะช่วยเปลี่ยนคนที่มีแนวโน้มจะเป็นลูกค้าให้กลายเป็นลูกค้าได้ง่ายขึ้น
8. AI มาแล้ว
Artificial Intelligence (AI) กำลังจะกลายเป็นตัวช่วยสำคัญที่จะช่วยให้แบรนด์และลูกค้าใกล้ชิดกันมากขึ้น ถึงแม้ว่าจะดูเป็นเรื่องไกลตัว แต่งานบางส่วนก็ใช้ AI แล้ว เช่น Email marketing หรือแม้แต่ข้อที่แล้วอย่างแชทบอท(Chatbot) ก็ถือเป็น AI ที่เริ่มเข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวัน และจะมีอีกหลายรูปแบบที่จะตามมาในไม่ช้า นักการตลาดจะเห็นเครื่องมือที่ใช้ AI มากขึ้นอย่างแน่นอน
9. ลูกค้าคาดหวังการบริการจากโรงแรมมากขึ้น
ด้วยความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีประกอบกับการแข่งขันที่สูงขึ้น จึงไม่แปลกที่ลูกค้าจะเปรียบเทียบแต่ละโรงแรม เพื่อหาสิ่งที่ดีที่สุดให้กับตัวเอง หรือถ้าหากเข้าพักที่โรงแรมเดิม เพราะความประทับใจ ก็อยากจะได้รับประสบการณ์ความประทับใจอีกเรื่อยๆ โรงแรมจะต้องเตรียมความพร้อมรองรับความต้องการที่มากขึ้น เพื่อไม่ให้พวกเขาผิดหวัง
10. วิเคราะห์ลูกค้าด้วย Big data
ทุกวันนี้โลกเข้าสู่ยุคที่มีข้อมูลให้เสพมากมายมหาศาล แต่ก็มีอยู่แบบกระจัดกระจายเช่นกัน Big Data จึงเกิดขึ้นมา เพื่อกรองข้อมูลเหล่านั้นหาสิ่งที่เชื่อมข้อมูลเข้าไว้ด้วยกัน และนำมาวิเคราะห์ให้เกิดประโยชน์ต่อธุรกิจต่อไป นักการตลาดอาศัยข้อมูลจาก Big Data มาทำนายผู้บริโภค เช่น หาความต้องการของลูกค้า อัตราการจองห้อง เป็นต้น Big Data จึงช่วยสร้างความได้เปรียบทางการแข่งขัน โดยเฉพาะธุรกิจที่มีการแข่งขันสูงอย่างโรงแรมที่พัก ซึ่งที่ Airbnb ก็นำมาใช้แล้วเช่นกัน
ถ้าเห็นว่ามีประโยชน์อย่าลืมแชร์กันด้วยนะคะ
ไม่พลาดทุกข่าวสาร และบทความดีๆ จาก Smart Finder อัพเดทตรงถึงเมลคุณ เพียงแค่กรอกอีเมลลงไปในช่องด้
[mc4wp_form id=”1533″]