พฤติกรรมของคนเราก็ส่งผลต่อการทำงานนะ ส่งผลมากๆ ด้วยซ้ำ จากการวิจัยพบว่ามีพฤติกรรมบางอย่างที่ส่งผลเสียต่อประสิทธิผลการทำงาน และนี่ก็เป็น 12 พฤติกรรมที่เราพูดถึง ให้คุณเลือกได้ว่าจะรับผิดชอบต่อผลเสียที่เกิดขึ้น หรือจะเปลี่ยนแปลงตัวเองเพื่อให้ทุกอย่างดีขึ้น
1.ความเร่งรีบในตอนเช้า
เราทุกคนต่างก็มีช่วงเช้าที่เร่งรีบ และมีเวลาน้อยที่จะแปลงฟันก่อนที่จะวิ่งออกจากบ้านเพื่อไปถึงออฟฟิศให้ตรงเวลา เมื่อความเร่งรีบในตอนเช้ากลายเป็นกิจวัตรประจำวัน มันจะส่งผลเสียต่อความรู้สึก และประสิทธิผลของคุณโดยรวม
เมื่อคุณเริ่มต้นวันของคุณด้วยความกระวนกระวายใจ ไม่ให้เวลาสมองได้ขยายผล เริ่มต้นใหม่ หรือเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับวันใหม่ แทนที่จะต้องพบกับความตื่นเต้นในตอนเช้า ซึ่งนั่นสามารถจะทำให้คุณเกิดข้อผิดพลาดในภายหลัง
ถ้าคุณไม่มีเวลาช่วงเช้า และช่องว่างไว้หายใจ พยายามตื่นให้เร็วขึ้น 10-30 นาที และเริ่มต้นด้วยการทำสมาธิอย่างรวดเร็ว จากการศึกษาในปี 2012 พบว่าใครที่ทำสมาธิก่อน จะทำงานได้นานขึ้น และสลับงานที่ทำอยู่น้อยกว่า เช่นเดียวกับรายงานผลการปฏิบัติงานในเชิงลบน้อยลง
2.ไม่ทานอาหารเช้า
ส่วนตัวผู้เขียนทานอาหารเช้าตลอด แต่หลายๆ คนไม่ทานกัน หรือไม่ก็บ่นว่าตอนเช้านั้นรีบมาก(ย้อนกลับไปอ่านข้อ 1) หรือแค่รู้สึกว่าไม่หิว หรือเห็นว่าการกินอาหารเช้าก็ไม่ได้สำคัญมาก
แต่คุณควรทาน เพราะว่าตอนที่คุณหลับ ไม่มีอาหารตกถึงท้องเลย นั่นหมายความว่า คุณจะตื่นขึ้นมาด้วยน้ำตาลในเลือดต่ำ ซึ่งอาการนี้เป็นสาเหตุที่ทำให้หลายคนรู้สึกเหนื่อยล้า เฉื่อยชา และแม้แต่ความแปรปรวนเล็กน้อยในตอนเช้า นั่นไม่ควรเป็นคุณ ธรรมชาติของเราต้องการอาหารเพื่อดำรงชีพ คุณก็รู้
แล้วถ้าหากดื่มกาแฟแทนอาหารล่ะ แน่นอน คาเฟอีนจะเร็วกว่าในตอนเช้า กาแฟช่วยซ่อนอาการของน้ำตาลในเลือดต่ำ แต่มันจะไม่ได้ผลดีเท่ากับอาหาร ในความเป็นจริง มันแค่เลื่อนให้คุณเกิดข้อผิดพลาดช้าลง ซึ่งเป็นอันตรายต่อประสิทธิผลการทำงานของคุณ
การทานอาหารที่มีประโยชน์ในตอนเช้าเป็นเคล็ดลับที่สำคัญ ที่จะช่วยให้การทำงานของคุณมีประสิทธิผล พยายามทานอาหารเช้าที่มีประโยชน์ มีไฟเบอร์,โปรตีน,วิตามิน, และแร่ธาตุ ที่ให้พลังงาน อาหารที่มีวิตามินสูง เช่น ข้าวโอ๊ต กล้วย สับปะรด และอโวคาโด้ จะสามารถช่วยบำรุงสมอง หลีกเลี่ยงอาหารเช้าที่มีน้ำตาล เช่น ธัญพืชหวาน โดนัท
3.แก้ปัญหาที่ง่ายก่อน
การแก้ปัญหาง่ายๆ เป็นอันดับแรกน่าดึงดูดใจกว่าการจัดการปัญหายากๆ นั่นคือเรื่องจริง เมื่อคุณกลัวงานที่ท้าทาย คุณจะผลักปัญหายากๆ ไปให้ไกล และเขียนลงในลิสที่ต้องทำ จนกระทั่งคุณทิ้งมัน ไม่แตะต้องตลอดทั้งวันหรือเป็นอาทิตย์
แต่การแก้ปัญหาที่ยากที่สุดในการทำงาน ตั้งแต่ต้นวันจะทำให้ประสิทธิผลโดยรวมดีกว่าเดิม จากการวิจัยพบว่า ความตั้งใจของคนเรามีจำกัด และในหนึ่งวันก็จะลดลงไปเรื่อยๆ (จากหนังสือ The Willpower Instinct) ดังนั้น สมองของคุณจะดีขึ้นกว่าเดิม หากคุณเพ่งความสนใจทั้งหมดไปจัดการงานที่ยากที่สุดของวันก่อน
ในตอนเช้ายังมีแนวโน้มว่าคุณจะวอกแวกน้อยกว่าอีกด้วย นั่นจะช่วยให้คุณทำงานเสร็จง่ายขึ้น เพื่อนร่วมงานของผู้เขียน James Gilbert แนะนำว่า “ใช้ประโยชน์จากช่วงเช้าทำงานให้เป็นทางการที่สุดโดยไม่มีการรบกวน และบันทึกการโทร หรือการประชุมสำหรับตอนบ่าย”
สร้างรายการที่ต้องทำคือหนทางที่ง่ายที่สุดและสำคัญที่สุดที่ทำให้งานมีประสิทธิภาพ ทุกคนมีรายการงานที่ต้องทำในแบบของตัวเอง ดังนั้น ตรวจสอบงานที่ต้องทำ และมองหาหนึ่งงานที่ดีที่สุด
4.เช็ค และตอบอีเมล์เมื่อมาถึงทันที
เมล์ควรช่วยให้เราทำงานของตัวเอง ไม่ใช่รบกวนเวลางานของพวกเรา เป็นเหตุผลที่ทำให้รู้สึกว่าประสิทธิผลแย่ลงตลอด
ด้วยความพยายามที่จะอยู่ข้างบนสุดของกล่องจดหมายที่ล้น มันสามารถดึงดูดให้เช็ค และตอบกลับทุกๆ เมล์ทันทีที่มา การได้รับแจ้งเตือนอีเมล์อย่างทันทีไม่ได้ช่วยอะไร แต่การเปลี่ยนมาเช็คเมล์ระหว่างที่ทำงานอยู่นั้น จะส่งผลที่ไม่ดีต่อประสิทธิผลการทำงานของคุณแน่นอน
สิ่งที่จะช่วยได้ก็คือ ปิดการแจ้งเตือนอีเมล์ที่น่ารำคาญ และจำกัดการเช็คอีเมล์แค่ช่วงพักเท่านั้น
5.เช็คทวิตเตอร์ เฟสบุ๊ก และหน้าฟีดของโซเชียลอื่นๆ
ในบรรดาสิ่งที่รบกวนง่ายที่สุดทั้งหมด มุ่งเน้นไปที่การแจ้งเตือนโซเชียลมีเดีย เหมือนว่าเราจะได้รับแรงกระตุ้นให้เช็คการแจ้งเตือนของโซเชียลมีเดียตลอด สิ่งที่ทำให้ยากที่จะเช็คฟีดตลอดคือ “แค่ครั้งเดียว” แล้วมักจะจบลงด้วยการหาเหตุผลจำนวนมากที่จะดูต่อ
เหมือนที่เพื่อนร่วมงานของผู้เขียน Scott Tousley พูดว่า “พวกเรารักที่จะทำให้ตัวเองเสียสมาธิ”
เพื่อนร่วมงานของผู้เขียน Alec Biedrzycki แก้ปัญหานี้โดยการลบสื่อโซเชียลทั้งหมดออกจากแถบที่คั่น “แต่ก็ไม่ได้แปลว่าจะไม่กดขึ้นมาเมื่อหยุดทำงาน” เขากล่าว “คุณจะต้องไม่มีความอยากรู้(หรือให้ความสนใจ)” กำจัดเรื่องเหล่านี้ซะ
6.เก็บโทรศัพท์ของคุณจากที่ทำงาน
ยกมือขึ้นถ้าคุณรู้สึกตกใจเมื่อโทรศัพท์ไม่ได้อยู่กับคุณ หรือไม่ได้อยู่บนโต๊ะของคุณ เข้าร่วมการประชุม ดื่มกาแฟ แม้แต่เข้าห้องน้ำ (ขออภัยที่พูดความจริง)
มีเหตุผลที่ Blackberries กลายเป็นชื่อเล่นของ “Crackberries” กลับเมื่อพวกมันเป็นที่นิยม มันเพราะว่าสมาร์ทโฟนอาจจะเป็นสิ่งที่รบกวนเราได้ง่ายที่สุดในโลก และเมื่อคุณเก็บโทรศัพท์ไว้ตอนที่ทำงาน มันจะเสี่ยงต่อประสิทธิผลของงาน
จากการศึกษาปี 2015 ใน The Journal of Experimental Psychology : Human Perception and Performance พบว่า เมื่อผู้คนที่ปฏิบัติงานอยู่นั้น ให้ความสนใจไปที่ข้อความหรือสายเรียกเข้า พวกเขาจะตอบคำถามผิด และมักจะทำงานด้วยการเดาอย่างลวกๆ ส่วนในคนที่ได้รับสายโทรเข้า แม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้รับ ก็มีแนวโน้มที่จะทำผิดพลาดถึง 3เท่า ในความเป็นจริงแล้ว อัตราความผิดพลาดจะพอกัน ไม่ว่าจะเป็นการรับโทรศัพท์หรือการตอบข้อความ
ทำไมการได้รับข้อความหรือสายโทรเข้าส่งผลต่อเสียประสิทธิผลมาก จากการวิจัยพบว่า แม้ว่าการถูกรบกวนในช่วงระยะเวลาสั้นๆ แต่ความคิดของเราจะหยุดชะงักในระยะเวลาที่นานมาก กว่าจะทำให้กลับมามีสมาธิใหม่
มีหลายวิธีที่จะลดการติดโทรศัพท์ของคุณ วิธีที่ง่ายที่สุดคือเปิดให้โทรศัพท์อยู่ในโหมด silent และไม่ต้องไปสนใจในขณะที่ทำงาน
เรื่องนี้ยังไม่จบ เดี๋ยวกลับมาต่อกับอีก 6 พฤติกรรมที่เหลือกันจ้า คลิก
Source : http://blog.hubspot.com/
ไม่พลาดทุกข่าวสาร บทความดีๆ อัพเดทโดนๆ กรอกอีเมล์ลงในช่องด้านล่างนี้ได้เลย แล้วทุกสิ่งทุกอย่างจะถูกส่งไปในเมล์ของคุณ
[mc4wp_form id=”1533″]