ชีวิตคนโรงแรมนั้น นอกจากจะเป็นที่รองรับอารมณ์แล้ว ยังเสี่ยงกับการโดนลูกค้าหนีบิลแล้วต้องจ่ายเอง(โดยเฉพาะโรงแรมที่ผู้บริหารไม่ต้องการแจ้งความ เพราะไม่อยากยุ่งยาก) ก็เข้าเนื้อกันไป บ่อยๆ เข้าก็จะเริ่มท้อแท้กับงาน แล้วจะดีกว่าไหม? ถ้ามีสัญญาณเตือนคนโรงแรมตัวก่อนว่า แขกแบบไหนที่มีโอกาสที่จะไม่จ่ายค่าห้อง และมีแนวโน้มที่จะหนีไปเฉยๆ โดยทิ้งภาระค่าใช้จ่ายเอาไว้กับคนโรงแรมบ้าง มาอ่านทั้ง 3 สัญญาณนี้กัน
ไม่ยอมจ่ายค่า Deposit
ถ้าสังเกตดูดีๆ จะเห็นว่าแขกที่มาพักธรรมดา ก็อาจจะมีหงุดหงิดนิดหน่อย แต่ยังไงก็ยอมจ่ายอยู่ดี เพราะเงินก้อนนี้ ถ้าพวกเขา C/O ออกไปก็ได้คืนแล้ว ไม่มัวมาเสียเวลาเถียงกับคนโรงแรมอยู่เป็นชั่วโมงสองชั่วโมงหรอก ส่วนคนที่มีแรงเถียงกับเราได้เป็นชั่วโมง มีแนวโน้มที่เจตนาจะไม่บริสุทธิ์ได้มากกว่า หรือถ้ามีข้อมูลบัตรเครดิตก็กันวงเงินเอาไว้ก็ได้ เพื่อความปลอดภัยของทั้งตัวเองและโรงแรม ไม่ต้องไปกังวลหากแขกพยายามบอกว่า ไปพักที่อื่นๆ มาแล้ว ไม่เห็นต้องวางมัดจำ หรือกันวงเงินเอาไว้ เพราะทุกโรงแรมย่อมมีกฎกติกาเฉพาะแต่ละโรงแรม จะเอามาเปรียบเทียบกันไม่ได้ ในเมื่อแขกมาพักที่โรงแรมของเรา ก็ต้องยินยอมที่จะทำตามกฎกติกาของเราเช่นกัน คิดดูว่าแค่ค่า Deposit ยังไม่ยอมจ่าย แล้วจะยอมจ่ายค่าห้องทั้งหมดเหรอ?
ชื่อที่จองมากับชื่อที่มา C/I เป็นคนละชื่อกัน
อันนี้ต้องระวังเพราะไม่แน่ใจว่าคนที่มานั้น สวมรอยมาพักแทนหรือเปล่า และถึงแม้ว่าจะไม่ได้แอบอ้างมา แต่กรณีที่ชื่อไม่ตรงกัน ย่อมไม่ดีแน่นอน เคสนี้ส่วนใหญ่แล้วก็จะเป็นการจองให้กัน อย่าง เพื่อนจองให้ แฟนจองให้ พ่อจองให้ ฯลฯ แต่เอกสารที่สำคัญ คือ เค้าต้องมี Voucher และสำเนาบัตรประชาชนที่เป็นชื่อเดียวกับที่จองมา หรือถ้าเป็นบัตรเครดิต ก็ควรจะตรงกับที่จองมาด้วย อย่างไรก็ตาม ทางที่ดีให้เค้าแจ้งขอเปลี่ยนชื่อที่จองดีกว่า ไม่อย่างนั้น เวลาที่ฝ่ายอื่นมาตรวจสอบเอกสารแล้วไม่ตรงกัน จะทำให้เรื่องยุ่งยาก แล้วคนที่รับเช็คอินแขกก็จะวุ่นวายไปตามๆ กัน
ยังไม่ถึงวัน C/O แต่ข้าวของเหลือน้อยผิดปกติ
ข้อนี้ค่อนข้างชัดเจน หากพวกเขาเริ่มเก็บข้าวของไปแล้ว ทั้งๆ ที่ยังไม่ถึงวัน C/O ซึ่งข้าวของดังกล่าวที่เหลืออยู่น้อยนิดนั้น เค้าอาจจะเข้ามาเอาอีกหรือไม่ก็ได้ เพราะถ้าเทียบกับราคาค่าห้องแล้ว น่าจะคุ้มพอที่จะทิ้งของแค่นั้นเอาไว้ ซึ่งคุณอาจจะต้องขอความร่วมมือจากแผนกแม่บ้าน ให้ช่วยสอดส่องดูความผิดปกตินี้ ในขณะที่เข้าไปทำความสะอาดห้องของแขกให้ แต่ก็ต้องเช็คด้วยนะว่าแขกแจ้งว่าไปค้างที่อื่นชั่วคราวหรือเปล่า เช่น ไปพักที่เกาะ 1 คืน แล้วค่อยกลับมาที่โรงแรมจึงเอาข้าวของไปบางส่วน เป็นต้น
ในกรณีที่เกิดเหตุการณ์นี้ขึ้นแล้ว และคุณไม่สามารถติดต่อแขกได้แล้ว สิ่งที่คุณต้องทำหากต้องการเอาผิดกับแขกที่หนีบิลก็คือ แจ้งความโทษฐานที่ฉ้อโกง ซึ่งเป็นคดีอาญา เพื่อดำเนินคดีต่อไป(ถ้าโรงแรมต้องการ) หรือถ้าเป็นแขกต่างประเทศก็อย่าลืมแจ้ง ตม.เอาไว้ด้วยนะ อย่างน้อยก็ช่วยป้องกันไม่ให้ออกนอกประเทศไป(แต่ตม.จะกันได้แค่ไหนนี่ ก็ไม่แน่เหมือนกันนะ) แต่ทางที่ดีป้องกันเอาไว้ก่อนดีกว่า เพราะคงไม่มีใครอยากให้เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นแน่นอน โดยเฉพาะแขกที่เราเป็นคนทำเช็คอินให้ด้วย
ไม่พลาดทุกข่าวสาร และบทความดีๆ จาก Smart Finder อัพเดทตรงถึงเมลคุณ เพียงแค่กรอกอีเมลลงไปในช่องด้
[mc4wp_form id=”1533″]