- OTAsหรือOnline Travel Agentsในปัจจุบันถือว่าเป็นช่องทางหลักที่แขกโรงแรมเลือกใช้ในการสำรองที่พัก สำหรับOTAsที่ดังๆก็อย่างเช่น Agoda Expedia Booking.com พนันได้เลยว่าโรงแรมส่วนใหญ่มีอัตราลูกค้าที่จองเข้ามาผ่านOTAsสูงกว่าลูกค้าที่จองกับทางโรงแรมโดยตรง ถ้ามองในมุมของลูกค้ามันก็สมเหตุสมผลดี เพราะอะไรหละ? ตอบ ก็OTAsเป็นช่องทางที่สะดวกสบายสำหรับลูกค้าในการเลือกโรงแรมที่ถูกใจ อยากพักโรงแรมไหนก็แค่กดปุ่ม ดีกว่ามานั่งเสียเวลาหาโรงแรมทีละโรงแล้วยังต้องมาผ่านขั้นตอนการจองที่ยุ่งยาก สู้จองผ่านOTAsง่ายกว่ากันเยอะ แต่ในมุมกลับกัน ผลเสียจะมาตกที่โรงแรมโดยตรงเพราะโรงแรมต้องจ่ายค่านายหน้าให้OTAsอย่างต่ำ15%หรืออาจสูงสุดถึง25% หน้ามืดสิอย่างนี้! ถึงแม้จะเสียเปรียบแค่ไหนก็ตาม โรงแรมก็ไม่มีทางเลือกอื่นที่ดีมากกว่าหรือเท่ากับOTAs โรงแรมส่วนใหญ่จึงต้องยอมเสียเปรียบต่อไปไม่งั้นก็ไม่มีแขกเข้าพัก
การจะเอาชนะOTAsบนสมรภูมิออนไลน์นั้นต้องบอกเลยว่ายากถึงยากมาก แต่คงดีกว่าแน่นอนถ้าโรงแรมสามารถแย่งลูกค้าจากOTAsเพื่อเพิ่มอัตราการจองตรงของลูกค้า และลดการพึ่งพาOTAsเพื่อเพิ่มอัตราการทำกำไรของโรงแรมของคุณให้สูงขึ้น
และนี่ก็เป็น 5 กลยุทธ์ที่คุณสามารถนำไปประยุกต์ใช้เพื่อแย่งลูกค้ามาจากOTAsบนสนามรบออนไลน์
1.เตรียมเครื่องมือของคุณให้พร้อมรบ
- เว็บไซต์ – เว็บไซต์คือสิ่งที่สำคัญที่สุดที่คุณต้องมีถ้าจะทำการตลาดออนไลน์ คุณต้องมีเว็บไซต์เพราะมันคือช่องทางหลักที่คุณจะใช้ในการขาย
- โซเชียลมีเดีย – โซเชียลมีเดียก็เป็นอีกช่องทางหนึ่งที่มีประสิทธิภาพในการตลาดออนไลน์เพราะสามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้กว้างทำให้เพิ่มโอกาสในการที่จะได้ลูกค้าจากช่องทางนี้ อีกทั้งยังสามารถใช้เป็นช่องทางสื่อสารกับลูกค้าได้แบบเรียลไทม์อีกด้วย
- โมบายแอพ – โมบายแอพอาจจะดูไม่สำคัญเท่าสองอย่างข้างต้นและยังเป็นอะไรที่ใหม่สำหรับโรงแรม แต่ในอนาคตโมบายแอพมีแนวโน้มที่จะกลายมาเป็นอีกหนึ่งช่องทางหลักที่โรงแรมสามารถใช้ในการทำตลาดออนไลน์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพราะปัจจุบันจำนวนผู้ใช้สมาร์ทโฟนมีตัวเลขเกิดหนึ่งพันล้านคนเข้าไปแล้ว ตัวอย่างมีให้เห็นจากธุรกิจมากมายที่ประสปความสำเร็จด้วยการพัฒนาโมบายแอพเพื่อรองรับพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไปจากการมาของเทคโนโลยีสมาร์ทโฟน
- ระบบจองออนไลน์(Web Booking Engine) – ระบบจองออนไลน์เป็นระบบที่ช่วยให้ลูกค้าสามารถทำการจองห้องพักของคุณผ่านทางเว็บไซต์หรือช่องท่างออนไลน์อื่นๆของโรงแรมได้ทันที อย่างไรก็ตามควรจะเลือกระบบที่สามารถเชื่อมต่อกับpayment gatewayได้จะยิ่งดีเพื่อให้ลูกค้าทำการจ่ายเงินผ่านบัตรเครดิตซึ่งสะดวกกับทั้งลูกค้าและโรงแรม
- ระบบจัดเก็บฐานข้อมูลลูกค้า(CRM) – ระบบจัดเก็บฐานข้อมูลลูกค้าทำให้คุณสามารถจัดเก็บโปรไฟล์ข้อมูลของแขกเพื่อติดตามและทำการตลาดแบบรายบุคคลได้ง่าย เช่นการให้ส่วนลดวันเกิด หรือการทำโปรโมชั่นประจำเดือน
- ระบบบริหารโรงแรม(PMS) – ระบบบริหารโรงแรมเป็นระบบที่สำคัญที่สุดสำหรับโรงแรมในการบริหารงานต่างๆให้เป็นระบบซึ่งจะช่วยลดข้อผิดพลาดในการบริหารงานเนื่องมาจากการจัดเก็บข้อมูลที่ไม่ดี ระบบPMSยังสามารถประยุกต์ใช้แทนระบบCRMได้อีกด้วยซึ่งช่วยลดต้นทุนของโรงแรมไปได้อีก
- ทีมงานที่มีความสามารถ – สิ่งสุดท้ายที่คุณขาดไม่ได้ก็คือทีมงานมากความสามารถที่จะช่วยขับเคลื่อนการตลาดออนไลน์ของคุณให้ประสปความสำเร็จ ในทีมของคุณอาจประกอบด้วย นักการตลาดออนไลน์ กราฟฟิกดีไซน์เนอร์ ช่างภาพ ผู้ดูแลเว็บไซต์ ผู้ดูแลโซเชียลมีเดีย
2.พัฒนาเว็บไซต์ของคุณให้เจ๋งและอย่าลืมSEO
ถ้าอยากให้เว็บไซต์ของคุณสามารถดึงดูดลูกค้าให้ทำการจองกับคุณได้ต้องอย่าลืมให้ความสำคัญกับองค์ประกอบเหล่านี้
- ดีไซน์(Design)
ใครๆก็ชอบของสวยๆงามๆกันทั้งนั้นจริงไหม เว็บไซต์ของคุณก็ควรจะมีการออกแบบหน้าตาที่ทันสมัยสวยงามเพื่อดึงดูดลูกค้าให้จองกับคุณ สมัยนี้การจะมีเว็บไซต์สวยๆไม่ใช่เรื่องยากเพราะเดี๋ยวนี้มีเว็บไซต์กึ่งสำเร็จรูปให้คุณได้เลือกใช้มากมาย เช่น WordPress หรือ Joomla ซึ่งมีฟีทเจอร์เก๋ๆช่วยในการนำเสนอโรงแรมของคุณต่อลูกค้าได้อย่างสร้างสรรค์
- เนื้อหา(Content)
อย่างแรกในการทำเนื้อหาสำหรับเว็บไซต์เพื่อดึงดูดลูกค้าให้เข้าพักคือการที่คุณต้องมีข้อมูลที่ครบถ้วนและตรงกับความเป็นจริงเพื่อให้ลูกค้าใช้ในการประกอบการตัดสินใจ เช่น ราคา สิ่งอำนวยความสะดวก แผนที่ และ ข้อมูลทั่วไปของโรงแรม นอกจากนั้นเนื้อหาในเว็บไซต์ก็ไม่ได้มีแค่ตัวหนังสือเพียงอย่างเดียว แต่รวมถึงรูปภาพและวิดีโอด้วยเช่นกัน การใช้สื่อหลากหลายจะช่วยให้แขกตัดสินใจง่ายขึ้นว่าจะจองห้องพักโรงแรมของคุณดีหรือไม่ ยกตัวอย่างเช่น ถ้าเว็บไซต์ของคุณมีแค่ตัวหนังสือและรูปภาพ แขกอาจจะยังไม่ประทับใจเท่าที่ควร แต่ถ้ามีวิดีโอเพิ่มเข้าไปเพื่อให้เห็นบรรยากาศจริงๆ ก็จะเป็นอะไรที่ช่วยเพิ่มโอกาสที่แขกจะตัดสินใจเข้าพักโรงแรมของคุณ อีกทั้งยังเป็นเนื้อหาที่OTAsต่างๆไม่มีให้ลูกค้าดู ทั้งนี้ทั้งนั้นเนื้อหาทุกชนิดควรจะต้องผลิตออกมาให้มีคุณภาพในระดับหนึ่ง ไม่งั้นอาจจะเป็นดาบสองคมทำให้โรงแรมของคุณดูไม่น่าสนใจไปได้เลย
- User experience(UX)
เคยไหมครับเข้าเว็บไซต์ซักอย่างเพื่อจะหาข้อมูลและซื้อของบางอย่าง แต่กว่าจะทำได้ต้องผ่านขั้นตอนที่ยุ่งยาก หรือบางทีก็หาสิ่งที่คุณต้องการไม่เจอเพราะไม่รู้ต้องกดตรงไหน เหตุการณ์ทำนองนี้เป็นตัวอย่างของการออกแบบUXของเว็บไซต์ที่ไม่ดี ทำให้ลูกค้าหัวเสียจนบางทีหมดอารมณ์จะซื้อและเปลี่ยนไปใช้บริการที่อื่นเลยก็เป็นได้
เว็บไซต์ของคุณควรจะมีการออกแบบUXที่ใช้งานง่ายไม่ยุ่งยากซับซ้อนโดยอิงการพฤติกรรมการใช้งานเป็นหลัก เพื่อทำให้ลูกค้าสามารถทำสิ่งที่คุณต้องการได้ง่ายที่สุด คือ การจองห้องพักของคุณนั่นเอง
- Search Engine Optimization(SEO)
SEOคือการทำให้เว็บไซต์ของคุณถูกจัดอันดับให้อยู่หน้าแรกๆของSearch Engineเช่นGoogleเพื่อเพิ่มโอกาสที่ลูกค้าจะคลิกเข้ามาในเว็บไซต์ของคุณ ประเด็นหลักๆที่จะทำให้Search Engineจัดอันดับคุณไว้หน้าแรกๆมีอยู่ไม่กี่อย่าง เช่น การมีเนื้อหาเว็บไซต์ที่เกี่ยวข้อง(Relevance)กับคำสำคัญ(Keyword)ที่ลูกค้าหา และ การมีเนื้อหาที่Search Engineคิดว่ามีคุณค่า(Authority)ต่อผู้คนหา ส่วนการทำSEOในเชิงลึกกว่านี้คุณควรจะหาผู้เชี่ยวชาญเข้ามาช่วยเพื่อได้ผลลัพท์ที่ดีที่สุด
อีกวิธีที่จะทำให้เว็บไซต์ของคุณอยู่หน้าแรกคือการซื้อโฆษณาหรือSponsor วิธีนี้จะทำให้เว็บไซต์ของคุณขึ้นหน้าแรกได้ทันที แต่อาจจะต้องเสียค่าใช้จ่ายที่สูงสักหน่อย ค่าใช้จ่ายจะเกิดเมื่อมีคนคลิกเข้าชมเว็บไซต์ของคุณ(Pay per click-PPC) ส่วนจะมากหรือน้อยก็ขึ้นอยู่กับKeywordที่คุณเลือกที่จะซื้อ
*ยังค่ะ ยังไม่หมดเพียงแค่นี้แน่นอน แต่เราอยากให้คุณไปพักผ่อน ชิลล์ๆ กันก่อน ทบทวนทั้ง 2 ข้อนี้ให้ดี แล้วอดใจรอตอนต่อไป รับรองได้ว่าคุณภาพเต็มแก้วเหมือนเดิมค่ะ* (ตอนต่อไปมาแล้วนะ คลิก
รู้ยัง)
หรือใครเดาได้ว่าอีก 3 ข้อที่เหลือจะเป็นอะไร ก็ลองคอมเมนต์มาทายกันดูได้นะ
ถ้าบทความนี้มีประโยชน์ก็อย่าลืมแบ่งปันเพื่อนๆ กันนะคะ
[x_share title=”แชร์ต่อให้เพื่อน” facebook=”true” twitter=”true”]
ถ้าไม่อยากพลาดบทความต่อไป ก็กดติดตามพวกเราไว้นะ^^
[mc4wp_form id=”1533″]