ต้อนรับ Airbnb เข้าสู่วงการโรงแรม
Airbnb (ชื่อเต็มคือ Airbedandbreakfast) ธุรกิจนี้เริ่มต้นด้วยแนวคิดที่ว่า ใครก็ตามที่มีห้องว่างสามารถเปิดเปิดห้องให้ผู้อื่นมาเช่าได้เลย ใช่แล้วค่ะ ไม่ว่าคุณจะมีห้องว่างแบบไหนก็ตามไม่จำเป็นว่าต้องเป็นโรงแรมหรือรีสอร์ท ที่ Airbnb แห่งนี้เสนอขายให้คุณได้ ตั้งแต่เต็นท์กลางป่า ไปจนถึงปราสาทโบราณ ส่วนราคาน่ะหรอ ก็ครอบคลุมทั้งแต่หลักร้อยยันหลักหมื่นต่อคืนเลยล่ะ เริ่มน่าสนใจขึ้นมาแล้วใช่ไหมล่ะ?
รายได้ของ Airbnb
- Airbnb จะบวกเพิ่มจากราคาห้องพักประมาณ 12%
- Airbnb จะเก็บค่าธรรมเนียมจ่ายเงินจากผู้เข้าพักอีก 3% จากเจ้าของที่พัก
Airbnb ในมุมมองของผู้ประกอบการ
ถือเป็นอีกหนึ่งช่องทางที่จะช่วยให้ผู้ประกอบการมีรายได้ เพียงแค่มีห้องว่างก็สามารถเปิดให้นักท่องเที่ยวจากทั่วโลกเข้าพักได้ ไม่จำเป็นว่าจะต้องเป็นเจ้าของกิจการโรงแรมหรือหอพัก คุณก็สามารถแชร์ห้องพักให้กับนักท่องเที่ยวได้ในราคาที่ถูกกว่าโรงแรม ก่อให้เกิดรายได้ไม่มากก็น้อย ดีกว่าปล่อยห้องว่างไว้เฉยๆ
Airbnb ในมุมมองของนักท่องเที่ยว
ในส่วนนี้ขอแยกออกเป็น 2 กระแส
กระแสแรก เป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวที่ชอบความท้าทาย ต้องการสัมผัสกับมุมมองที่แปลกใหม่ เก็บประสบการณ์แบบคนท้องถิ่น ไม่ใช่แบบนักท่องเที่ยว รวมไปถึงประหยัดค่าใช้จ่ายที่พัก เมื่อต้องการเข้าพักเป็นระยะเวลานาน ซึ่งส่วนใหญ่แล้ว กลุ่มนี้จะเป็นนักท่องเที่ยวชาวตะวันตก ซึ่งหากจะมาท่องเที่ยวแถบเอเชียจะพักเป็นเวลา 15 คืน โดยเฉลี่ย
กระแสที่สอง เป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวที่เลือกพักในโรงแรม เพราะส่วนต่างของราคาห้องพักในประเทศไทยและห้องพักของ Airbnb ไม่ต่างกันมาก เมื่อเทียบกับราคาห้องพักในต่างประเทศ นักท่องเที่ยวกลุ่มนี้จึงมองว่าการพักในโรงแรมมีสิ่งอำนวยความสะดวก และมีระบบรักษาความปลอดภัยที่เป็นมาตรฐาน และมีแผนกต้อนรับคอยดูแลตลอด 24 ชม.
นอกจากนี้ ยังมีบางกลุ่มที่หาข้อมูลที่พักจาก Airbnb แต่ไม่จองผ่าน Airbnb ด้วยเหตุผลที่ว่าแทนที่จะเสียเงินเพิ่มให้กับ Airbnb พวกเขายอมเสียเงินเพิ่มให้กับเจ้าของดีกว่า ซึ่งอย่างที่บอกไปว่า Airbnb จะคิดค่าธรรมเนียมประมาณ 15% (บวกจากค่าที่พัก 12% และค่าธรรมเนียมจากการจองอีก 3%) นั่นหมายความว่า ถ้าค่าห้องคืนละ 1,000 บาท นักท่องเที่ยวต้องจ่ายทั้งหมด 1,120 บาท แต่เจ้าของได้ค่าที่พัก 970 บาท แต่ถ้าพวกเขาจองตรง ผ่านเว็บไซต์โรงแรมhttp://smartfinder.asia/th/complete-website-solution-for-hotels/ ก็จะจ่ายแค่ 1,000 เจ้าของก็ไม่โดนหักค่าธรรมเนียมอีก 30 บาทนั่นเอง
Airbnb ในมุมมองของผู้ประกอบการโรงแรม
แน่นอนว่า การมาของ Airbnb ส่งผลกระทบต่อรายได้ของธุรกิจโรงแรม และกลายมาเป็นคู่แข่งหลัก โดยเฉพาะโรงแรมที่อยู่ตลาดระดับกลางถึงล่าง เริ่มจากนักท่องเที่ยวจีนที่ใช้ Airbnb กว่า 1 ล้านคน ซึ่งแย่งส่วนแบ่งตลาดนักท่องเที่ยวจีนในประเทศไทยได้ไม่ยาก แล้วยิ่งมีการขยายตัวของห้องพักในกรุงเทพฯ กว่า 9 พันห้องเทียบกับเมื่อปีที่แล้วมีเพียง 4 พันห้อง แถมห้องพักก็ยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกที่โรงแรมราคาใกล้เคียงกันไม่มีอีกด้วย เช่น ขนาดห้องพักที่ใหญ่กว่า และห้องครัวไว้สำหรับทำอาหาร
ทำไมถึงเป็น Disruptive Business
จากบทความก่อนหน้าใครที่เคยอ่านเรื่องเกี่ยวกับ Disruptive Technogies ก็คงจะเข้าใจคำว่า Disruptive Business ได้ไม่ยาก แต่ถ้าจะให้ยกตัวอย่างก็เช่น Uber หรือ Grab Taxi ซึ่งเป็นธุรกิจที่เติบโตอย่างรวดเร็ว และก่อให้เกิดปัญหาด้วยเช่นกัน อย่างกรณีของ Airbnb ก็มีปัญหาจากการขยายตัวของธุรกิจ เช่น
- ก่อให้เกิดการรบกวนในบริเวณที่พักอาศัยของประชาชน
- ปัญหาความปลอดภัยของห้องพักที่ไม่ได้มาตรฐาน คือ ขาดอุปกรณ์ดับเพลิง หรือ พนักงานรักษาความปลอดภัย ในกรณีที่เกิดเหตุร้าย หรือมีอุบัติเหตุเกิดแก่นักท่องเที่ยว ก็อาจจะกระทบต่อภาพลักษณ์ของประเทศ
- ภาษีที่รัฐบาลไม่สามารถเก็บได้จากการปล่อยเช่าห้องพักของ Airbnb
- ถึงแม้ว่า จะมีกฎหมายควบคุมห้องพัก ทำให้การขยายตัวของห้องพัก Airbnb ชะลอตัวลง แต่ในทางกลับกัน ก็ช่วยให้ธุรกิจเข้ามาแข่งขันในตลาดโรงแรมได้อย่างเต็มตัวมากขึ้นด้วย อย่างไรก็ตาม กลุ่มลูกค้า Airbnb ยังเป็นคนละกลุ่มกับนักท่องเที่ยวหลักที่เข้าพักโรงแรมในไทย แล้วราคาโรงแรมในไทยก็ใกล้เคียงกับ Airbnb นักท่องเที่ยวจึงเลือกพักในโรงแรมมากกว่า ประเทศไทยจึงอาจจะยังไม่ได้รับผลกระทบมากนัก แต่ในอนาคต Airbnb ก็ยังคงเป็นคู่แข่งหลักที่เติบโตอย่างรวดเร็วในวงการโรงแรมอยู่ดี เพราะฉะนั้น โรงแรมควรปรับกลยุทธ์เพื่อรองกับการแข่งขันกับ Airbnb ในอนาคต
ที่มา : http://m.prachachat.net/
ไม่พลาดทุกข่าวสาร บทความดีๆ อัพเดทโดนๆ กรอกอีเมล์ลงในช่องด้านล่างนี้ได้เลย แล้วทุกสิ่งทุกอย่างจะถูกส่งไปในเมล์ของคุณ
[mc4wp_form id=”1533″