เทคโนโลยีนั้นเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว มีการพัฒนาสิ่งต่างๆขึ้นมามากมายในไม่กี่ปีมานี้ ที่สำคัญเทคโนโลยีนั้นมีบทบาทอย่างมากในการบริหารธุรกิจโรงแรม ไม่ว่าจะเกี่ยวข้องกับงานส่วนหน้าหรือส่วนหลัง ทุกอย่างต่างก็ใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยให้การทำงานง่ายขึ้น เอาล่ะ เรามาดูกันว่าในปี2017นั้น เทคโนโลยีจะมีแนวโน้มเป็นอย่างไร จะมีอะไรที่สามารถช่วยโรงแรมได้บ้าง
เน้นทำงานไร้สาย เพิ่มความคล่องตัว
ด้วยเทคโนโลยีมือถือที่ก้าวหน้าและเป็นที่นิยมอย่างมากในตอนนี้ ทำให้การนำMobile Technologyมาใช้ในโรงแรมเป็นการลงทุนที่ไม่แพงอีกต่อไป
เทคโนโลยีในปี2017นี้จะเน้นหนักไปในการช่วยให้การทำงานมีความคล่องตัวมากขึ้น ทำให้คนทำงานสามารถทำงานที่ไหนก็ได้โดยไม่ต้องยึดติดอยู่กับอุปกรณ์ที่ยึดอยู่กับที่อย่างเครื่องคอมพ์Workstation
ลองคิดดูว่าพนักงานต้อนรับส่วนหน้าสามารถทำเช็คอินแขกจากโซฟาตัวเดียวกันที่แขกนั่งในล็อบบี้ แม่บ้านสามารถเปลี่ยนสถานะห้องพักจากสกปรกเป็นสะอาดได้ทันทีเมื่อทำงานเสร็จแล้ว หรือจะถ่ายรูปของที่เสียแล้วส่งต่อไปยังระบบPMSเพื่อแจ้งฝ่ายซ่อมบำรุงก็ทำได้ โดยสิ่งเหล่านี้สามารถทำได้ผ่านแอพมือถือ
เน้นการทำงานแทนคนด้วยระบบอัตโนมัติ(Automation)
ด้วยอัตราค่าแรงที่สูงขึ้นทุกปี ทำให้โรงแรมต้องเลือกมากขึ้นในการจ้างพนักงานเพราะส่งผลโดยตรงต่อตัวเลขค่าใช้จ่าย นั่นทำให้เทคโนโลยีที่สามารถทำงานแทนคนได้จะเป็นเทรนด์ที่จะมาแรงสำหรับการทำโรงแรมในปี2017
ด้วยระบบอัตโนมัติ(Automation) ทำให้โรงแรมสามารถลดขั้นตอนการทำงานที่ไม่จำเป็นออก หรือการทำงานที่ซ้ำๆออก และใช้เทคโนโลยีเข้ามาทำงานแทน นั่นทำให้โรงแรมสามารถลดจำนวนพนักงานลงไปได้
ยกตัวอย่างเช่นการเชื่อมต่อกันระหว่างระบบจองกับระบบบริหารจัดการโรงแรมPMS นั่นทำให้ข้อมูลการจองวิ่งเข้ามาในระบบได้เองโดยไม่ต้องใช้คนมานั่งคีย์ข้อมูลเข้าระบบทีละบุคกิ้ง ซึ่งลดเวลาไปได้มากในโรงแรมที่มีห้องพักเยอะๆ
ลดการลงทุนด้านฮาร์ดแวร์ด้วยCloud Computing
การใช้เทคโนโลยีCloud Computingเป็นแนวคิดที่ไม่ใหม่นักในวงการIT แต่ในวงการธุรกิจโรงแรมยังมีการนำมาใช้อยู่น้อยพอสมควร ด้วยข้อดีของเทคโนโลยีCloud Computingคือการที่โรงแรมสามารถใช้แอพพลิเคชั่นการทำงานต่างๆผ่านการประมวลผลบนเซิร์ฟเวอร์ที่อยู่บนอากาศ นั่นทำให้โรงแรมไม่ต้องลงทุนกับฮาร์ดแวร์ประมวลผลอย่างเช่นเครื่องเซิร์ฟเวอร์บนพื้นดิน ซึ่งทำให้ต้นทุนของโรงแรมลดลงไปอีก
เครื่องมือวิเคราะห์ที่ฉลาดขึ้น
เทคโนโลยีในปี2017นั้นจะเน้นการนำข้อมูลมาวิเคราะห์เพื่อหาความหมาย เครื่องมือวิเคราะห์จะฉลาดมากพอที่จะแนะนำคนทำงานให้ดีขึ้น ซึ่งมันจะเปลี่ยนข้อมูลดิบให้เป็นสิ่งที่จับต้องได้ ทำให้โรงแรมนำมาใช้ประโยชน์ได้มากขึ้น อย่างเช่นการนำข้อมูลสถิติการเข้าพักย้อนหลังหลายๆปีมาวิเคราะห์ความต้องการของลูกค้าเพื่อนำมาใช้ในการบริหารรายได้(Revenue Management)ที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น
การทำงานแบบไร้กระดาษ(Paperless)
การทำงานทุกอย่างจะเป็นดิจิตอลแทบจะทั้งหมดซึ่งสามารถลดงานเอกสารไปได้แทบจะสิ้นเชิง สอดคล้องกับเทรนด์สิ่งแวดล้อมที่ทั่วโลกออกมารณรงค์ให้ลดการใช้ทรัพยากรธรรมชาติ นอกจากนั้นโรงแรมยังสามารถลดต้นทุนค่ากระดาษและอุปกรณ์สิ้นเปลืองต่างๆลงไปได้อีก
โฟกัสที่ประสบการณ์แขกมากขึ้น
นอกจากเทคโนโลยีในปี2017จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานโรงแรมแล้ว การสร้างประสบการณ์ที่ดีต่อแขกผู้เข้าพักก็เป็นสิ่งที่โรงแรมสามารถใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีด้วยเช่นกัน ไม่ว่าการให้แขกใช้แอพมือถือใช้บริการของโรงแรมอย่างเช่นการเรียกใช้รูมเซอร์วิส หรือการทำเช็คอินด้วยตัวเองเป็นต้น GetVZAก็เป็นแอพมือถือตัวหนึ่งที่จะช่วยให้โรงแรมสามารถสร้างประสบการณ์ที่ดีต่อแขกได้
ทั้งหมดนี้ก็เป็นแนวโน้มTrendเทคโนโลยีโรงแรมในปี2017ที่Smart Finderคาดว่าจะมาอย่างแน่นอน
ไม่พลาดทุกข่าวสาร บทความดีๆ อัพเดทโดนๆ กรอกอีเมล์ลงในช่องด้านล่างนี้ได้เลย แล้วทุกสิ่งทุกอย่างจะถูกส่งไปในเมล์ของคุณ
[mc4wp_form id=”1533″]