ทำSEOเว็บโรงแรมเริ่มต้นยังไงดี มีคำตอบ!
SEOหรือSearch Engine Optimization คือการทำให้เว็บไซต์ของคุณถูกจัดอันดับให้ติดอยู่ในผลการค้นหาแรกๆ ศัพท์ในวงการเรียกว่าSERP(Search Engine Result Page) SEOคืออีกวิธิหนึ่งที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายในธุรกิจหลากหลายประเภท เพราะปัจจุบันผู้บริโภคสามารถค้นหาข้อมูลของผลิตภัณฑ์ที่มีแผนที่จะซื้อได้ง่ายแค่ปลายนิ้ว เมื่ออยากซื้ออะไรก็แค่กดปุ่มค้นหา ข้อมูลต่างๆก็ขึ้นมาบนหน้าจอและสามารถเข้าไปดูรายละเอียดของผลิตภัณฑ์ก่อนตัดสินใจซื้อได้อย่างง่ายดาย ผู้ที่มีอันดับดีกว่าก็จะถูกเห็นได้ง่ายกว่า และนั่นก็แปลว่ามีโอกาสที่จะเปลี่ยนผู้เยี่ยมชมเว็บไซต์มาเป็นลูกค้าได้เยอะกว่า แต่!เท่าที่สังเกต โรงแรมเป็นธุรกิจหนึ่งที่ยังไม่ค่อยใช้SEOในการหาลูกค้ามากนัก บางโรงแรมกระทั่งไม่สนใจเว็บไซต์ตัวเองด้วยซ้ำ ยังใช้เว็บไซต์ที่มีโครงสร้างล้าหลังเป็นเว็บ1.0กันอยู่เลย สุดท้ายก็โดนOTAsเช่นAgoda.comแย่งลูกค้าไป เพราะลูกค้าหาคุณบทอินเทอร์เน็ตไม่เจอ การทำSEOสำหรับโรงแรมจริงๆก็ไม่ง่าย แต่ก็ไม่ยากเช่นกัน อยู่ที่ว่าคุณเชื่อมั่นและทุ่มเทกับการทำSEOมากแค่ไหน แต่ก่อนอื่นเรามาเข้าใจว่าการจัดอันดับของGoogleทำงานอย่างไรกันก่อน
สมองของGoogleทำงานอย่างไร?
เมื่อเราพิมพ์คำค้นหาลงไป Googleจะสแกนหน้าเว็บเป็นล้านๆเว็บในฐานข้อมูลและจะแสดงผลรายการที่ตรงกับคำค้นหาของคุณ ยกตัวอย่างเช่นถ้าคุณค้าหาคำว่า”โรงแรมหัวหิน” คุณจะเจอผลการค้นหาประมาณ567,000รายการ เมื่อGoogleได้ผลการค้นหามาแล้ว Googleก็จะทำการจัดลำดับเว็บไซต์ที่คิดว่าตรงกับคำค้นหาของคุณขึ้นมาก่อน
แล้วGoogleใช้อะไรเป็นเกณฑ์ในการจัดอันดับล่ะ? ก็ความเกี่ยวข้องของเนื้อหากับความน่าเชื่อถือของเว็บนั้นๆยังไงล่ะ เพราะGoogleต้องการให้ผู้ใช้งานสามารถค้นหาแล้วเจอสิ่งที่ตัวเองค้นหาได้ตรงมากที่สุดซึ่งเป็นจุดแข็งของGoogleนั่นเอง
และนี่ก็คือรายการสิ่งที่ต้องทำสำหรับการทำSEOให้กับเว็บไซต์โรงแรมของคุณให้มีอันดับที่ดีขึ้น
การเลือกKeyword
Keywordคือคำ ประโยค หรือวลี ที่คนใช้ในการค้นหาบนSearch Engineเช่นGoogle.com
Keywordคือสิ่งแรกที่คุณจะต้องคิดในการทำSEO การเลือกKeywordมีปัจจัยหลักอยู่สามอย่าง
- ความเกี่ยวข้องของเนื้อหาบนเว็บไซต์กับคำค้นหา
คุณควรจะเลือกKeywordให้สอดคล้องกับธุรกิจของคุณ หรือไม่ก็ทำให้เนื้อหาบนเว้บไซต์ของคุณเกี่ยวข้องกับKeywordที่คุณเลือก งงไหม? ก็คือ ยกตัวอย่างเช่น โรงแรมคุณอยู่ แม่ริม จ.เชียงใหม่ เนื้อหาบนเว็บไซต์ก็ควรจะพูดถึงสิ่งนั้นๆ ไม่ใช่พูดถึงจ.ภูเก็ตซึ่งไม่เกี่ยวข้องกัน
- จำนวนครั้งในการค้นหาของKeywordนั้นๆ
ถ้าจำนวนในการค้นหาของKeywordที่คุณเลือกต่ำ ถึงแม้ว่าเว็บของคุณจะอยู่หน้าแรกก็ตาม แต่ก็ไม่มีประโยชน์อะไรในเมื่อKeywordนั้นไม่สามารถสร้างยอดการเข้าชมให้กับเว็บของคุณได้ วิธีหนึ่งที่จะเช็คว่าKeywordนั้นๆมีการค้นหาเยอะหรือไม่ลองเข้าไปตรวจสอบได้ที่Google Adwords>Tools>Keyword Planner
- ความยากในการติดอันดับ
บางKeywordที่เป็นที่นิยมและมีจำนวนการค้นหาสูงย่อมไม่ง่ายในการที่จะทำให้เว็บไซต์ของคุณแทรกเว็บไซต์ที่ติดอันดับอยู่หน้าแรกๆก่อนแล้ว การทำให้ติดอันดับแรกๆก็เหมือนการแข่งขันกันว่าเว็บของใครมีความน่าเชื่อถือและมีความเกี่ยวข้องมากกว่าในมุมมองของGoogle คุณอาจจะลองเลือกKeywordที่มีความง่ายในการแข่งขันก่อนแล้วค่อยๆสร้างความน่าเชื่อถือขึ้นไปเพื่อแย่งพื้นที่10อันดับแรกบนหน้าค้นหาKeywordที่สูงขึ้น
ชื่อหน้า(Page Title)
ชื่อของแต่ละหน้าของเว็บไซต์ของคุณเป็นสิ่งสำคัญอันดับต้นๆที่Googleใช้ในการแสดงผลการค้นหา Page Titleจะถูกใช้เป็นคำหลักเมื่อแสดงผลบนGoogle การเลือกหัวข้อให้ตรงกับKeywordเป็นสิ่งที่จำเป็นมากๆ ฉนั้นคุณควรจะใช้เวลาเขียนหัวข้อให้ตรงกับคำที่คุณต้องการให้ติดอันดับ
คำอธิบาย(Description)
คำอธิบายเว็บเพจของคุณอาจจะไม่มีผลต่อการค้นหาของGoogle แต่อย่าลืมว่าคุณต้องการให้คนเป็นๆเข้าชมเว็บของคุณ ไม่ใช่Google ฉะนั้นคุณควรจะเขียนคำอธิบายให้ตรงประเด็น กระชับ ได้ใจความ และไม่เกิน150ตัวอักษร
การปรับURL(URL Optimization)
URL(Uniform Resource Locator)คือลิงค์ที่นำคุณไปสู่หน้าต่างๆในเว็บไซต์ เช่น http://smartfinder.asia/about การปรับแต่งURLของแต่ละหน้าให้ตรงกับKeywordที่เกี่ยวข้องกับเนื้อหาก็จะเป็นตัวช่วยให้Googleสามารถเพิ่มอันดับของคุณได้ เช่น เปรียบเทียบว่าหน้าเพจจองของคุณคือ www.yourhotelkrabi.com/reservation กับwww.yourhotelkrabi.com/page=2 คุณคิดว่าเมื่อลูกค้าพิมพ์คำค้นหามาว่า “book hotel at krabi”จะเจอURLไหนมากกว่ากัน อีกอย่างการตั้งURLให้สอดคล้องกับKeywordก็ช่วยให้ลูกค้าของคุณจำได้ง่ายอีกด้วย
ชื่อโดเมน(Domain Name)
ชื่อของเว็บไซต์ของคุณที่ก็เป็นสิ่งสำคัญเช่นกันเหมือนURL ยิ่งถ้ามีส่วนหนึ่งที่ตรงกับKeywordแล้วก็ยิ่งดีเพราะGoogleสามารถค้นหาเจอได้ง่ายเพราะตรงกับคำค้นหาของผู้ใช้
เนื้อหา(Page Content)
เนื้อหาทั้งหมดในเพจนั้นๆของคุณควรจะมีความเกี่ยวข้องกับKeywordที่คุณต้องการให้ติดอันดับ การให้ความสำคัญกับการเขียนคอนเทนต์ที่มีคุณภาพคือสิ่งหนึ่งที่จะช่วยให้เว็บโรงแรมของคุณติดอันดับดีๆขึ้นมาได้
หัวข้อหลัก(Headings)
หัวข้อหลักก็คล้ายๆกับพาดหัวข่าวบนหน้าหนังสือพิมพ์ที่บอกเราว่าเนื้อหาที่กำลังจะอ่านคืออะไร คุณสามารถบอกGoogleว่าสิ่งที่คุณจะพูดนั้นสำคัญโดยการเน้นหัวข้อหลักด้วยการใส่Tag h1 h2 h3ตามลำดับความสำคัญ การทำเช่นนี้จะช่วยให้Googleจัดอันดับเว็บของคุณได้ง่ายขึ้น
รูปภาพ(Images)
รูปภาพที่ควรจะใช้บนเว็บของคุณไม่ควรที่จะมีตัวอักษรฝังเป็นเนื้อเดียวกันอยู่ในรูปภาพเพราะGoogleไม่สามารถอ่านตัวหนังสือที่ฝังอยู่ในรูปได้ ทำให้คุณเสียโอกาส วิธีที่จะบอกGoogleว่ารูปภาพของคุณคืออะไรก็คือการใส่URLและKeywordให้กับรูปภาพของคุณซะ
การนำทาง(Navigation)
ความง่ายในการใช้งานเว็บไซต์อาจจะไม่เกี่ยวกับGoogleโดยตรง แต่สำหรับผู้เยี่ยมชมเว็บไซต์ของคุณนั้นเป็นสิ่งที่สำคัญมาก เพราะถ้าผู้อ่านหาสิ่งที่เขาต้องการไม่เจอ ก็ไม่มีประโยชน์เลยที่ครั้งต่อไปเขาจะเข้ามาที่เว็บไซต์คุณอีก การที่คุณมีระบบนำทางบนเว็บที่ดีทำให้ผู้อ่านอยู่บนเว็บไซต์ของคุณนานขึ้น ลดอัดตราการตีกลับ(Bounce Rate)ซึ่งส่งผลต่อSEOทางอ้อมด้วย
Backlinks
ความท้าทายสุดท้ายของการทำSEOก็คือการจะทำอย่างไรให้เว็บอื่นนำเว็บของคุณไปแปะที่เว็บของเขา ยิ่งเว็บที่นำURLของคุณไปแปะมีความน่าเชื่อถือมากเท่าไหร่ Googleก็จะเพิ่มความน่าเชื่อถือของคุณด้วยเช่นกัน ความยากมันอยู่ที่จะทำยังไงให้เว็บอื่นเอาเว็บคุณไปแปะบนเว็บไซต์ของเขา อย่างแรกก็คือ เนื้อหาบนเว็บของคุณจะต้องดีจริงๆ หรือไม่ก็ต้องยอมเสียเงินให้เขานำเว็บคุณไปแปะ
ถ้าไม่อยากพลาดบทความเด็ดๆ ก็Subscribeเลย!