1. รักษาความสัมพันธ์กับลูกค้าทั้งเก่าและใหม่

ในขณะที่สถาณการณ์ยังไม่กลับเข้าสู่ช่วงปกติ ผู้คนยังไม่กล้าออกเดินทางท่องเที่ยว ความต้องการเดินทางท่องเที่ยวยังมีน้อย หรือ โรงแรมยังปิดชั่วคราวอยู่ สิ่งที่โรงแรมสามารถทำได้ในช่วงเวลานี้คือการรักษาความสัมพันธ์กับลูกค้าอย่างใกล้ชิด ไม่ว่าจะเป็นลูกค้าเก่าหรือใหม่ก็ตาม โดยโรงแรมสามารถเชื่อมต่อกับลูกค้าผ่านทางโซเชียลมีเดีย อีเมล์ คอนเท้นต์ต่างๆทีช่วยเสริมสร้างความสัมพันธ์ระหว่างแบรนด์และลูกค้า

2. ช่วงที่ความต้องการท่องเที่ยวเริ่มสูงขึ้น

หลักจากสถาณการณ์ดีขึ้น เราคาดหวังว่าจะได้เห็นความต้องการท่องเที่ยวที่จะกลับมาสูงขึ้นอีกครั้ง เมื่อเป็นเช่นนั้น โรงแรมควรสร้างการรับรู้ในตัวแบรนด์ให้สูงขึ้นโดยอาจทำการโปรโมตแบบเสียเงินผ่านช่องทางออนไลน์ เช่น กูเกิล หรือ โซเชียลมีเดียอื่นๆ ทั้งนี้เพื่อสร้างความต้องการในการท่องเที่ยวและให้ลูกค้าได้เตรียมตัววางแผนได้สะดวกมากขึ้น อย่างไรก็ตาม นโยบายการยกเลิกอาจจะต้องยืดหยุ่นขึ้นเพราะสถานการณ์ในตอนนั้นอาจจะยังไม่เสถียรนัก

3. ช่วงที่การท่องเที่ยวกลับมาปกติอีกครั้ง

เมื่อทุกอย่างกลับมาสู่ปกติ การตลาดที่โรงแรมทำอยู่ก็คงต้องทำต่อไป แต่ต้องอย่าลืมว่าโรงแรมต่างๆก็สามารถกลับมาเปิดได้แล้ว นั่นทำให้จำนวนคู่แข่งในตลาดเพิ่มสูงขึ้น ฉนั้นในช่วงนี้โรงแรมควรเจาะจงการทำตลาดไปที่กลุ่มลูกค้าที่เหมาะสมกับกลุ่มเป้าหมายของโรงแรมโดยเฉพาะมากกว่าการทำตลาดแบบเหมารวม ซึ่งจะช่วยให้โรงแรมสามารถสร้างความแตกต่างจากคู่แข่งได้ในยามที่จำนวนโรงแรมในตลาดสูงขึ้น

4. ปรับกลยุทธ์ทางการตลาดและการจัดการรายได้ให้สัมพันธ์กัน

เมื่อพูดถึงแผนการฟื้นฟู สิ่งสำคัญที่ต้องคำนึงถึงคือการจัดการรายได้ ไม่ว่าจะเป็นการคิดกลยุทธ์การตั้งราคา และ เรทราคาที่เท่ากันบนช่องทางต่างๆ ขณะเดียวกันก็ทำการตลาดโดยใส่ข้อเสนอพิเศษให้กับการจองตรง หรือ สร้างแพคเกจที่ถูกใจลูกค้า และที่สำคัญไม่แพ้กันก็คือนโยบายการยกเลิกที่ต้องไม่เข้มงวดเกินไป

5. เตรียมเว็บไซต์ของคุณให้พร้อม

เว็บไซต์ของคุณควรเป็นแหล่งข้อมูลอ้างอิงอย่างเป็นทางการสำหรับแขกในอนาคตและช่วยให้พวกเขาค้นหาข้อมูลที่ต้องการเพื่อทำการจองได้อย่างง่ายดาย

ข้อควรพิจารณาสำหรับเนื้อหาเว็บไซต์ของคุณ

หากโรงแรมปิดทำการให้ระบุอย่างชัดเจนว่าโรงแรมเปิดและรับจองอย่างชัดเจน พร้อมระบุนโยบายการยกเลิก

สร้างความมั่นใจให้กับแขกว่าโรงแรมยังคงใช้มาตรการป้องกันที่เหมาะสมกับที่พักและจะดำเนินการต่อไปเพื่อความปลอดภัยของพนักงานและแขก

ไฮไลต์จุดหมายปลายทางผ่านบล็อกโพสต์เพื่อแนะนำพื้นที่ท่องเที่ยวและรูปภาพสวยๆเพื่อแสดงให้เห็นว่าธุรกิจและสถานที่ท่องเที่ยวเปิดให้บริการ ตรวจสอบให้แน่ใจว่าเนื้อหาทั้งหมดบนเว็บไซต์ของคุณเป็นปัจจุบัน

โปรโมตข้อเสนอพิเศษและแพ็คเกจที่เหมาะกับกลุ่มเป้าหมายของคุณในขณะนี้ เช่น แพคเกจท่องเที่ยวใกล้บ้าน (Staycation) สำหรับคนในท้องถิ่น หรือ แพ็คเกจธุรกิจพร้อมการพักผ่อนสำหรับนักเดินทางธุรกิจ (Business Travelers)

ปรับเปลี่ยนเนื้อหาเว็บไซต์ตามกลุ่มลูกค้า เช่น ลูกค้าในประเทศและต่างประเทศ

6. ใช้นโยบายการยกเลิกแบบยืดหยุ่น

ด้วยการใช้นโยบายการยกเลิกแบบยืดหยุ่นโรงแรมสามารถสร้างความมั่นใจให้กับแขกและเพิ่มแรงจูงใจในการจองเพื่อชิงส่วนแบ่งจาก OTA ที่การยกเลิกเป็นเรื่องยากและวุ่นวาย

โดยรวมแล้วหากแบรนด์โรงแรมของคุณต้องการรักษาความภักดีต่อแบรนด์ที่แข็งแกร่งและรักษาความมั่นใจในการจองซ้ำโรงแรมของคุณควรรักษานโยบายการยกเลิกที่ยืดหยุ่นและมีเงื่อนไขน้อยที่สุดเป็นเวลาอย่างน้อยหกเดือนถัดไปหรือจนถึงสิ้นปี

7. วางกลยุทธ์ช่องทางการขายให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น

เนื่องจากความต้องการการเดินทางเริ่มกลับมาและโรงแรมที่ปิดให้บริการกำลังเตรียมที่จะเปิดอีกครั้ง การมุ่งเน้นไปที่การขายทางตรงเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพที่สุดวิธีหนึ่งในการเพิ่มอัตรากำไรที่จะได้รับ อย่างไรก็ตาม84%ของผู้จัดการรายได้กล่าวว่าพวกเขามีแผนที่จะเพิ่มอัตราส่วนช่องทางการขายไปยัง OTA มากขึ้นหลังจากสถานการณ์ COVID-19 กลับสู่ปกติ ซึ่งข้อดีของ OTA คือเป็นช่องทางที่ลูกค้าสามารถเห็นโรงแรมได้มากที่สุด อย่างไรก็ตามการรักษาส่วนผสมการจัดการช่องทางขายห้องพักที่ดีและการวางแผนที่เหมาะสมเพื่อกระตุ้นการจองผ่านเว็บไซต์โดยตรงมีความสำคัญต่อการเพิ่มผลกำไรสูงสุด

8. อัปเดตข้อมูลที่สำคัญให้ลูกค้ารับรู้

โรงแรมควรจัดทำรายการทรัพย์สินดิจิทัล(คอนเท้นออนไลน์)ที่เป็นเจ้าของทั้งหมดและตรวจสอบให้แน่ใจว่าเป็นข้อมูลล่าสุดที่มีข้อมูลที่เหมาะสมซึ่งจะช่วยแขกในการจองห้องพัก ตัวอย่างเช่น หากโรงแรมของคุณปิดอยู่และกำลังจะกลับมาเปิด ให้อัปเดตข้อมูลบนทุกแพลตฟอร์มให้ลูกค้ารู้ว่าโรงแรมได้กลับมาเปิดแล้ว หากคุณลงทะเบียนโรงแรมไว้กับ TripAdvisor ให้ลองโพสต์ประกาศว่ามีแผนป้องกันอย่างไร มีนโยบายการยกเลิกอย่างไรบ้าง และ โรงแรมเปิดให้บริการและพร้อมสำหรับการจองแล้ว เป็นต้น

9. กลับไปหาลูกค้าที่ยกเลิกก่อนหน้านี้

การกลับไปทำการตลาดกับลูกค้าที่ยกเลิกการจองไปก่อนหน้าในช่วงการระบาดของโควิดก็เป็นอีกวิธีหนึ่งที่ช่วยเพิ่มยอดจองได้อีกทาง จากการศึกษาของ Fuel Travel พบว่า ผู้ตอบแบบสำรวจกว่า 50% ได้ยกเลิกหรือกำหนดเวลาการเดินทางใหม่โดยการยกเลิกจะมีมากกว่าการเปลี่ยนกำหนดการเป็น 4:1 สำหรับการจองที่ถูกยกเลิก โรงแรมสามารถใช้การส่งแคมเปญอีเมล์ไปหาลูกค้าที่ยกเลิกให้ทำการจองใหม่พร้อมกับโบนัสหรือสิทธิพิเศษเพิ่มเติมเพื่อจูงใจให้ลูกค้าจองโรงแรมคุณอีกครั้ง

10. มุ่งเน้นไปที่การจัดทำแพ็กเกจและข้อเสนอให้สอดคล้องกับความต้องการผู้บริโภคในขณะนั้น

แพ็กเกจและข้อเสนอที่ดีเป็นอีกวิธีที่โรงแรมสามารถทำเพื่อเพิ่มยอดการเข้าพักและยอดขายได้อย่างดี ในขณะที่การเดินทางระหว่างประเทศยังไม่สามารถทำได้ แพ็กเกจท่องเที่ยวแบบ Staycation ดูจะเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพที่สุดในสถานการณ์แบบนี้ นอกจากนั้นโรงแรมยังสามารถออกโปรโมชั่นสำหรับการจองล่วงหน้าแบบจ่ายก่อนพักที่หลังวันไหนก็ได้ในช่วงเวลาที่กำหนดไว้ ทั้งนี้ทั้งนั้นเพื่อรองรับกับความต้องการการเข้าพักที่เพิ่มขึ้นในช่วงแรก

11. พัฒนาแผนการตลาดที่เพิ่มขึ้นตามความต้องการในการเดินทาง

การวางกลยุทธ์แผนการตลาดแบบเดือนต่อเดือนที่พัฒนาไปเรื่อย ๆ พร้อมกับความต้องการการเดินทางที่เพิ่มขึ้นเมื่อเวลาผ่านไปจะช่วยให้คุณขับเคลื่อนช่องทางการจองและเพิ่มรายได้สูงสุด หากโรงแรมของคุณปิดตัวลง แผนของคุณควรเริ่มต้นหนึ่งเดือนก่อนที่โรงแรมจะเปิดใหม่และเปลี่ยนจากช่องทางระดับบนไปสู่การกำหนดเป้าหมายช่องทางล่างแบบเดือนต่อเดือน

เดือนที่ 1-2: มุ่งเน้นไปที่การกำหนดเป้าหมายการตลาดไปที่การสร้างการรับรู้ให้กับแบรนด์สำหรับตลาดฟีดเดอร์ในประเทศ (กลุ่มลูกค้าจากจังหวัดใหญ่ๆที่พอมีกำลังซื้อ เช่น กรุงเทพฯ) โดยให้กรอบเวลาการจองประมาณ 60-90 วัน สำหรับการประชาสัมพันธ์ โรงแรมควรให้ความสำคัญกับการสื่อสารข้อมูลที่เป็นปัจจุบันและมุ่งเน้นไปที่การสร้างการรับรู้ว่าโรงแรมเปิดให้จองโดยมีเนื้อหาโปรโมตประสบการณ์การท่องเที่ยวที่ดีและปลายทางที่น่าดึงดูด

เดือนที่ 3-4: เริ่มกำหนดเป้าหมายลูกค้าต่างประเทศที่สามารถบินเข้าไทยได้ ซึ่งยังคงต้องติดตามกันต่อไปว่ามีประเทศไหนบ้างที่รัฐบาลอนุญาติให้เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวได้ การตลาดที่ควรทำคือการโปรโมตจุดขายของโรงแรมพร้อมกับข้อเสนอดีๆที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวกลุ่มต่างชาติ

เดือนที่ 4-5: สานต่อกิจกรรมการตลาดและการจัดการกลุ่มเป้าหมายที่กำหนดไว้ในขณะที่ความต้องการเดินทางเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งจุดนี้โรงแรมสามารถใช้กลยุทธ์การขายแบบ Upselling เพื่อเพิ่มยอดขายจากเอาท์เล็ทต่างๆเช่นสปา หรือ ร้านอาหาร เป็นต้น ข้อความที่ต้องเน้นในการสื่อสารกับแขกควรวจะเป็นการโปรโมตแพ็กเกจที่เพิ่มระยะเวลาการเข้าพัก เพิ่มยอดขายจากข้อเสนอเสริม และ วิธีเพิ่มมูลค่าการจองโดยเฉลี่ยให้สูงสุด

เดือนที่ 6+: เมื่อทุกอย่างใกล้กลับคืนสู่ปกติ โรงแรมควรมุ่งเน้นไปที่การกำหนดเป้าหมายไปที่ลูกค้าที่พร้อมเดินทางได้เลย และ คุณควรปรับกลยุทธ์ของคุณต่อไปเพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการในการเดินทางที่เปลี่ยนแปลงไป การสื่อสารข้อความทางการตลาดควรมุ่งเน้นไปที่การตอบสนองความต้องการของลูกค้าเป้าหมาย และ ความต้องการท่องเที่ยวตามฤดูกาล

12. รักษาระยะห่างกับลูกค้าผ่าน CRM

การเชื่อมต่อกับแขกในอดีตและแขกที่กำลังจะมาถึงผ่านทางอีเมล์เป็นวิธีที่ดีเยี่ยม ไม่เพียงกระตุ้นการจองเมื่อความต้องการเดินทางเพิ่มขึ้นเท่านั้น แต่ยังช่วยลดความเครียดและความกังวลในการเดินทางสำหรับแขกที่กำลังจะมา

โรงแรมสามารถพิจารณาแคมเปญ CRM ต่อไปนี้

ประกาศว่าโรงแรมเปิดให้จองพร้อมข้อเสนอพิเศษหรือประสบการณ์สุดพิเศษ

เสนอแพ็คเกจหรือสิทธิประโยชน์พิเศษสำหรับการยกเลิกเพื่อทำการจองใหม่

สื่อสารก่อนเข้าพักและระหว่างเข้าพักเพื่อให้มั่นใจว่าโรงแรมมีแผนป้องกันที่ดี พร้อมทั้งโปรโมทสิ่งอำนวยความสะดวกไปในตัวเช่น สปาและร้านอาหารที่ให้บริการ ส่วนลดในการอัพเกรดห้องพัก และ กิจกรรมสนุก ๆ ที่ลูกค้าสามารถทำในโรงแรม

สร้างแคมเปญการตลาดอัตโนมัติสำหรับวันครบรอบการเข้าพักของแขกที่ผ่านมาเพื่อกระตุ้นให้พวกเขากลับมาเข้าพักอีกครั้ง

13. เพิ่มความสำคัญกับระบบสมาชิก

ลูกค้าที่คุ้นเคยกับแบรนด์ของคุณมีแนวโน้มที่จะจองในช่วงเวลาที่มีความไม่แน่นอนสูงกว่าลูกค้าที่ไม่เคยเข้าพักกับคุณเลย ฉนั้นอย่าลืมให้สิทธิพิเศษแก่สมาชิกผู้ภักดีของคุณด้วยแพ็คเกจและประสบการณ์เฉพาะบุคคลเป็นพิเศษเมื่อ สถานการณ์ COVID-19 สงบลง

14. ปรับปรุงการจัดอันดับ OTA

การมีอันดับที่ดีใน OTA จะช่วยเพิ่มโอกาสที่แขกจะเลือกโรงแรมของคุณก่อนโรงแรมอื่น โดยปกติแล้วยิ่งคุณมีอันดับที่ดีกว่าใน OTA ก็จะยิ่งได้รับการจองมากขึ้น

ยิ่งไปกว่านั้นสิ่งสำคัญที่ควรทราบคือ กระบวนการปรับปรุงการจัดอันดับ OTA เป็นกระบวนการที่ต่อเนื่องซึ่งต้องมีการปรับปรุงอยู่ตลอดเวลา

15. สร้างชื่อเสียงออนไลน์

รีวิวและคะแนนของคุณในช่องทางออนไลน์จะเป็นปัจจัยสำคัญในการตัดสินใจเข้าพักหลังสถานการณ์ COVID-19 กลับสู่ปกติ โดยเน้นไปที่ความปลอดภัย สุขอนามัย และมาตรการต่างๆ เพราะแขกของคุณต้องการทราบข้อมูลเหล่านี้นี้

ดังนั้นอย่าลืมติดตามอย่างใกล้ชิดว่าแบรนด์ของคุณได้รับการรีวิวอย่างไรจากแขกที่เข้าพัก และคอยพัฒนาอย่างต่อเนื่องเพื่อการรีวิวที่ดีในอนาคตต่อไป

การขอให้แขกที่ได้เข้าพักไปแล้วแสดงความคิดเห็นหรือรีวิวทางออนไลน์โดยเน้นด้านความสะอาดของโรงแรมก็เป็นสิ่งที่โรงแรมสามารถทำได้เพื่อเพิ่มความมั่นใจให้กับแขกที่จะจองโรงแรมของคุณในอนาคต

16. เข้าร่วมโปรโมชั่นกับ OTA

อีกหนึ่งทางที่จะช่วยเพิ่มยอดการจองได้รวดเร็วก็คือการทำโปรโมชั่นร่วมกับ OTA เช่นการเข้าร่วมโปรโมชั่นที่เสนอส่วนลด การทำแฟลชเซล์ หรือ แคมเปญอื่นๆของทางOTA วิธีนี้นอกจากจะช่วยกระตุ้นยอดขายแล้ว ยังทำให้โรงแรมของคุณมีอันดับที่ดีขึ้นและทำให้ลูกค้าเห็นมากขึ้นอีกด้วย

17. ลงทะเบียนในเครื่องมือค้นหา Meta Search

เครื่องมือค้นหา Meta Search ช่วยให้นักเดินทางเปรียบเทียบราคาห้องพักของโรงแรมในช่องทางค้นหาต่างๆได้สะดวกขึ้นหากโรงแรมของคุณยังไม่ได้ลงทะเบียนนี่เป็นโอกาสดีเลยที่จะลองดู

การลงทะเบียนกับเครื่องมือค้นหาจะช่วยผลักดันให้คุณมีการจองโดยตรงมากขึ้น ขยายการเข้าถึงและเพิ่มรายได้ของคุณ

ด้านล่างนี้คือเครื่องมือค้นหาเมตาเสิร์ชยอดนิยมที่คุณสามารถลงทะเบียนได้:

  • TripAdvisor
  • Google Hotel Ads
  • Trivago

ยิ่งไปกว่านั้นการแสดงรายการในเครื่องมือค้นหาเหล่านี้ไม่เพียง แต่ช่วยเพิ่มการมองเห็นของคุณเท่านั้น แต่ยังช่วยเพิ่มมูลค่าแบรนด์ของคุณอีกด้วย

18. เริ่มการตลาดบนโซเชียลมีเดีย

โซเชียลมีเดียเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการดันยอดจองให้เพิ่มขึ้น เพิ่มมูลค่าแบรนด์ ตลอดจนเชื่อมต่อและดึงดูดแขกได้มากขึ้น

จากสถิติพบว่าผู้ใช้อินเทอร์เน็ตมากกว่า 60% หาข้อมูลทางออนไลน์ก่อนที่จะทำการจองหรือซื้อแผนการเดินทาง

ดังนั้นจึงเป็นสิ่งสำคัญที่คุณจะต้องมีตัวตนบนโซเชียลมีเดียและโพสต์เกี่ยวกับข้อเสนอ หรือ แพคเกจ ของคุณในโปรไฟล์โซเชียลมีเดียทั้งหมดของคุณเป็นประจำ อย่างไรก็ตามหากคุณยังไม่ได้ใช้งานบนแพลตฟอร์มเหล่านี้ตอนนี้เป็นเวลาที่ดีที่สุดในการเริ่มต้น

19. เพิ่มประสิทธิภาพเว็บไซต์และทำSEO

จะดีกว่าไหมถ้าคุณสามารถเพิ่มยอดการจองตรงโดยไม่ต้องผ่านคนกลาง เว็บไซต์ก็เป็นหนึ่งในช่องทางออนไลน์ที่คุณเป็นเจ้าของเอง การทำให้เว็บไซต์ของคุณมีประสิทธิภาพมากขึ้นจะช่วยให้ลูกค้าสามารถค้นหาคุณได้ง่ายกว่าเดิม และสามารถทำการจองตรงผ่านเว็บไซต์ได้เลย

20. ฝึกอบรมพนักงานของคุณ

ปัจจุบันและแม้กระทั่งหลังยุค COVID-19 พนักงานของคุณคือด่านแรกในการบริการแขกของคุณ ดังนั้นในระหว่างที่โรงแรมปิดไปนาน หรือโรงแรมยังไม่ค่อยมีแขกมากนัก ช่วงนี้จึงเป็นสิ่งสำคัญมากที่คุณจะเคาะสนิมพนักงานของคุณให้พร้อมรับลูกค้าที่จะเพิ่มมากขึ้นต่อจากนี้ โรงแรมสามารถจัดประชุมเกี่ยวกับการอบรมพนักงานโดยเน้นเรื่องการบริการเพื่อมอบประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยมให้กับแขก

21. เน้นดูแลสุขอนามัยและความสะอาด

ในระหว่างหรือหลังการระบาด สิ่งสำคัญอันดับแรกและสำคัญที่สุดของแขกของคุณคือสุขอนามัย การสุขาภิบาล และ ความสะอาด

จะเป็นการดีที่คุณจะให้ความรู้แก่พนักงานของคุณเกี่ยวกับมาตรการป้องกันที่ถูกต้องในการปฏิบัติงานในโรงแรมของคุณ ยิ่งไปกว่านั้นคุณควรมีการทำความสะอาดโรงแรมของคุณอย่างทั่วถึง ติดตั้งเครื่องล้างมือด้วยแอลกอฮอล์ฆ่าเชื้อในทุกๆที่

นอกจากนี้ถึงแม้ว่าสิ่งต่างๆจะสงบลงแล้ว การมอบหน้ากากอนามัยและน้ำยาฆ่าเชื้อฟรีให้กับแขกของคุณก็เป็นเรื่องที่ดีในการรักษามาตรฐานความสะอาดให้แก่โรงแรมของคุณ

สิ่งเหล่านี้จะช่วยให้แขกของคุณรู้สึกไว้วางใจในโรงแรมของคุณและทำให้พวกเขารู้ว่าการเข้าพักของพวกเขาจะปลอดภัยและน่าพึงพอใจ