ความต้องการของมนุษย์เป็นความต้องการที่ไม่มีวันสิ้นสุด ยิ่งในสมัยที่การค้า และธุรกิจที่เติบโตเร็วมากอย่างยุคนี้ ความต้องการของคนยิ่งสูงขึ้นเรื่อยๆ คนซื้อสินค้าจากความรู้สึก เพราะฉะนั้นสาขาวิชาการตลาดจึงเกิดขึ้น เพื่อตอบสนองความต้องการของมนุษย์นั่นเอง แล้วนักการตลาดโรงแรมจะต้องทำอย่างไร เพื่อดึงดูดแขกให้เข้ามาพักให้ได้มากที่สุด และยึดโรงแรมของคุณเป็นที่พักทุกครั้งที่เดินทางไปเยือน บทความนี้ เราจะมาเสนอการตอบสนองความต้องการของแขกด้วยทฤษฎีลำดับขั้นความต้องการของมาสโลว์

ระดับที่ 1 ความต้องการทางด้านร่างกาย(Physiological needs) คือ ความจำเป็นเพื่อการดำรงชีพของมนุษย์

พูดง่ายๆ ก็คือปัจจัย 4 นั่นเอง นักการตลาดของโรงแรมจะต้องตั้งเป้าไว้เสมอว่า แขกที่มาพัก จะได้รับการตอบสนองความต้องการระดับนี้ในขั้นสูง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของอากาศ ความสะอาด และการพักผ่อน เราต้องยอมรับก่อนว่า ความคาดหวังจากแขกเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ แขกที่มาย่อมต้องการความรู้สึกเป็นคนพิเศษด้วยกันทั้งนั้น เพราะฉะนั้น คงไม่ดีแน่ หากแขกได้กลิ่นไม่พึงประสงค์ ห้องไม่ได้อยู่ในสภาพที่สะอาดเรียบร้อยเหมือนซื้อมาใหม่ และที่นอนไม่ได้มาตรฐานอย่างที่คิดไว้ บอกตรงนี้เลยว่า แค่ความประทับใจแรก คุณก็ให้เขาไม่ได้แล้ว

ระดับที่ 2 ความต้องการความปลอดภัย(Safety needs) คือ ความต้องการความปลอดภัยในชีวิต และทรัพย์สิน

ไม่มีแขกที่เข้าพักคนไหนไม่ต้องการความปลอดภัย นับเป็นสิ่งสำคัญอันดับต้นๆ ที่ทางโรงแรมเองต้องคำนึงถึง เรื่องนี้จะส่งผลต่อความน่าเชื่อถือของโรงแรมโดยตรง รวมไปถึงในเรื่องของชื่อเสียง โรงแรมที่ดี ควรมีสิ่งเหล่านี้

  • พนักงานรักษาความปลอดภัย(รปภ.)
  • ทางโรงแรมควรจะมี เพื่อความอุ่นใจของแขก และเป็นด่านแรกที่ทุกคนต้องเจอ หากมีใครผิดสังเกตหรือท่าทางไม่ชอบมาพากล อย่างน้อยมีรปภ.คอยเดินตรวจตราคนที่เข้าพักก่อน ก็ลดความกังวลไปได้ระดับหนึ่งล่ะนะ

  • กล้องวงจรปิด
  • แน่นอนว่าลำพังใช้กำลังคนอย่างเดียวคงจะสอดส่องได้ไม่ทั่วถึง กล้องวงจรปิดเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกใหม่ที่กำลังมาแรง เพราะสามารถบันทึกภาพได้ตลอด 24 ชม. อีกทั้งยังดูภาพย้อนหลังได้อีกด้วย หากเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นมา ภาพจากกล้องวงจรปิดนี่แหละที่จะกลายเป็นหลักฐานมัดตัวได้

  • ระบบคีย์การ์ด
  • มาตรฐานใหม่ของโรงแรมที่นำมาแทนกุญแจ ในคีย์การ์ดจะมีรหัสเฉพาะของการ์ดแต่ละใบ ซึ่งบางทีสามารถใช้เพื่อเปิดทำงานกับสิ่งอำนวยความสะดวกอื่นๆ ได้ด้วย เช่น ลิฟท์ ก็เป็นอีกหนึ่งช่องทาง โดยต้องใช้คีย์การ์ด เพื่อเปิดใช้งานลิฟท์ และเซ็ตรหัสให้กดได้แค่ชั้นของตัวเองเท่านั้น ไม่สามารถไปที่ชั้นอื่นได้ ตั้งเวลาเพื่อปิดการใช้งานตามวันที่แขกระบุก็ได้ หรือในกรณีที่แขกทำหายก็ยกเลิกการ์ดได้ทันที แล้วยังเชื่อมข้อมูลกับระบบ PMS เป็นการป้องกันบุคคลภายนอกอีกทางหนึ่ง

  • Safety Box
  • อันนี้มีก็ดี หรือไม่มีก็ได้ แต่ถ้าไม่มีอาจจะต้องแจ้งให้แขกอย่าทิ้งของมีค่าไว้ ให้เอาติดตัวไว้ตลอด เพราะแขกไม่ได้ใช้ Safety Box กันทุกราย เผลอๆ มีกรณีที่แขกใส่ของไว้แล้วลืมเองด้วยซ้ำ แต่ของทุกอย่างก็มีข้อดีข้อเสียอยู่แล้ว แนะนำให้ทางโรงแรมลองชั่งน้ำหนักดูว่า กลุ่มลูกค้าของคุณเป็นกลุ่มไหน และรีเควสเจ้า Satety Box มากน้อยแค่ไหน

  • ระบบเตือนอัคคีภัย และบันไดหนีไฟ
  • โรงแรมที่ได้มาตรฐานหรือแม้แต่อาคารบางแห่งจะต้องติดตั้งอุปกรณ์ตรวจจับ และมีสัญญาณเตือนไฟไหม้เอาไว้ตามจุดต่างๆ พร้อมกับระบบน้ำดับเพลิงที่ทำงานอัตโนมัติ เพื่อป้องกันเหตุอัคคีภัยที่อาจจะเกิดขึ้นได้ในตลอดเวลา

    ระบบความปลอดภัยทั้งหมดนี้ไม่ใช่แค่ใช้กับแขกเท่านั้น แต่ยังรวมถึงความปลอดภัยของพนักงานโรงแรมเองอีกด้วย

    เพื่อไม่ให้ขาดตอน เปิดต่อสิ ทฤษฎีความต้องการของ maslow กับการตลาดโรงแรม (ตอนจบ)

    สู้โรงแรมใหญ่ๆ ด้วยงบการตลาดที่จำกัด
    เคล็ดลับกาาตลาดออนไลน์

    *ร่วมเป็นแขกรับเชิญเขียนบทความกับเรา ส่งบทความของคุณพร้อมชื่อ ประวัติ หรือรายละเอียดเพิ่มเติมมาทางอีเมล์ได้เลยที่ marketing@smartfinder.asia


    อัพเดทบทความตรงถึงเมล์คุณ