ธุรกิจโรงแรม เป็นธุรกิจที่สามารถต่อยอดได้ ไม่ว่าจะทำอะไรควบคู่ไปด้วย เช่น ร้านอาหาร ฟิตเนต สปา หรือแม้แต่ของฝาก ไม่ว่าจะทำอะไรก็เข้ากันได้กับธุรกิจโรงแรมไปซะทุกอย่าง แต่วันนี้เราจะมาโฟกัสธุรกิจร้านอาหารในโรงแรมกัน

รายได้ของโรงแรม ขึ้นอยู่กับจำนวนห้องพัก รอคนมาจอง เข้าพัก มีรายได้ต่อคืน หากห้องเต็ม ก็ต้องปฏิเสธลูกค้า เสียโอกาสทางการขาย ถือว่าเป็นธุรกิจที่ไม่ค่อยมีสภาพคล่องเท่าไหร่ ถึงแม้ว่าการเข้าพักจะได้เงินจำนวนมาก/ห้อง/คืน แต่ไม่สามารถการันตีได้ว่าจะขายห้องได้ตลอด

ในขณะที่ร้านอาหารจะได้เงินค่าอาหาร/จาน ระยะเวลาที่จะขายได้จานต่อไปก็รวดเร็วกว่า ส่วนรายได้ต่อจานก็ขึ้นอยู่กับสไตล์ของอาหาร ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นแบบบุฟเฟ่ต์ ยิ่งมีอาหารแบบครบทั้งนานาชาติ หรือของหวานก็ยิ่งเพิ่มโอกาสทางการขาย บ่อยครั้งที่รายได้จากการรับประทานอาหาร หรือจากบริการอื่นๆ ถูกนำมาทดแทนรายได้ที่ขาดหายไปของห้องพัก

ร้านอาหารในโรงแรม แตกต่างกับร้านอาหารทั่วไปอย่างไร?

1.ความยืดหยุ่นของเมนูอาหาร

  • ร้านอาหาร จะกำหนดรายการเอาไว้ตายตัวอยู่แล้ว ไม่ว่าใครจะเป็นคนทำก็จะมีสูตรเฉพาะของร้านอาหาร เปลี่ยนแปลงไม่ได้
  • ร้านอาหารในโรงแรม ถึงจะมีการกำหนดรายการอาหารไว้เช่นกัน แต่อาจจะต้องเปลี่ยนรายการอาหารบ่อยๆ บางโรงแรมก็มีกำหนดไว้เลยว่าแต่ละวัน แต่ละเดือน จะมีรายการอาหารประเภทไหน หรือ หากมีงานอื่นๆ นอกเหนือจากที่กำหนดไว้ ทางโรงแรมก็จะต้องคิด แล้วก็ดีไซน์หน้าตาอาหารใหม่ ให้เข้ากับ theme ที่ลูกค้าเลือก
  • 2.บริการอื่นๆ

  • ร้านอาหาร ไม่มีบริการอื่นๆ เพิ่มเติม
  • ร้านอาหารในโรงแรม หากลูกค้าดื่มหนักๆ แล้วกลับไม่ไหว ก็สามารถเปิดห้องพักได้เลย หรือบางแห่งมีฟิตเนต ก็ให้บริการออกกำลังกายหลังรับประทานอาหารเสร็จได้
  • เหล่านี้จึงเป็นข้อได้เปรียบให้กับร้านอาหารในโรงแรมนั่นเอง ถึงแม้วัตถุประสงค์หลักของโรงแรม จะเป็นการให้บริการห้องพัก สร้างห้องอาหารเพื่อให้คนที่เข้าพัก หรือจัดงานได้รับประทาน ถ้าเราลองกลับกันเปลี่ยนเป็นการให้บริการของร้านอาหารทำให้จำนวนผู้เข้าพักเพิ่มมากขึ้น

    ไม่พลาดทุกข่าวสาร บทความดีๆ อัพเดทโดนๆ กรอกอีเมล์ลงในช่องด้านล่างนี้ได้เลย แล้วทุกสิ่งทุกอย่างจะถูกส่งไปในเมล์ของคุณ
    [mc4wp_form id=”1533″]

    หรือแอดLINEมาที่ @smartfinder หรือ scan QR code ได้เลย 13624434_1038884016166131_287059536_n