วันนี้เราจะมาเล่าถึงการทำซอฟต์แวร์ว่ากว่าจะมาเป็นซอฟต์แวร์หรือที่เราเรียกกันคุ้นหูว่าโปรแกรมมันมีขั้นตอนที่มาที่ไปอย่างไร

โปรแกรม หรือ ซอฟต์แวร์ หรือ แอพพลิเคชั่น เป็นสิ่งหนึ่งที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถทำงานได้สะดวกขึ้น ง่ายขึ้น โดยจุดมุ่งหมายหลักก็คือการแก้ปัญหาต่างๆให้ผู้ใช้ ยกตัวอย่างเช่น Google Search Engineก็เป็นซอฟต์แวร์อย่างหนึ่งที่จะช่วยให้ผู้ใช้สามารถค้นหาข้อมูลที่ต้องการในอินเตอร์เน็ต หรือโปรแกรมที่เราคุ้นเคยกันดีอย่างMicrosoft Word มันช่วยให้เราสามารถจัดเรียงตัวอักษรได้ง่ายขึ้นเพื่อจัดทำเอกสารต่างๆ

เช่นกันกับโปรแกรมสมาร์ทไฟน์เดอร์ซึ่งเป็นซอฟต์แวร์ที่ใช้สำหรับธุรกิจโรงแรมและร้านอาหาร ซึ่งมีผู้ใช้งานอยู่ในวงแคบๆโดยเป็นผู้ใช้งานในภาคธุรกิจ จุดประสงค์ของมันก็คือการช่วยให้ผู้ใช้สามารถทำงานโรงแรมได้ง่ายขึ้น จัดการข้อมูลต่างๆได้เป็นระเบียบ ช่วยลดเวลาขั้นตอนต่างๆในการทำงาน

เอาล่ะ เรามาดูกันว่ากว่าจะมาเป็นโปรแกรมตัวหนึ่งให้คนได้ใช้ ต้องมีขั้นตอนอะไรบ้าง…

1.ระบุปัญหาของผู้ที่จะใช้ซอฟต์แวร์

แน่นอนว่าจะทำซอฟต์แวร์ขึ้นมาสักอย่าง เราต้องรู้ว่าจะทำมาเพื่อแก้ปัญหาอะไร ให้ใคร เราต้องรู้ว่าปัญหาที่ผู้ใช้งานเจออยู่ ณ ขณะนี้มีอะไรบ้าง จัดลำดับความสำคัญของปัญหาที่ต้องการการแก้ไขจากมากไปน้อย

ขอยกตัวอย่างโดยใช้ธุรกิจโรงแรมประกอบแล้วกัน ปัญหาของผู้ที่ทำงานโรงแรมคือการจัดเก็บข้อมูลและจัดการสิ่งต่างๆในโรงแรมเป็นไปได้ยาก เวลาแขกจองมาก็ต้องบันทึกเก็บเอาไว้ให้ดีห้ามหายเป็นอันขาด นี่ก็เป็นปัญหาหนึ่งอย่างละ สองเวลาแขกมาเช็คอินก็ต้องมาเทียบกับบันทึกที่เก็บไว้ว่าตรงกันหรือไม่ ซึ่งถ้าจำนวนแขกมีเยอะ ก็ต้องมานั่งหาทำให้เสียเวลาและอาจเกิดความผิดพลาดได้ สองอย่างนี้ก็เป็นตัวอย่างปัญหาที่ต้องระบุก่อนทำโปรแกรมซักตัวขึ้นมา

2.ออกแบบ

เมื่อรู้แล้วว่าปัญหาของผู้ใช้คืออะไร จากนั้นก็เป็นขั้นตอนของการออกแบบว่าจะทำอย่างไรให้โปรแกรมที่จะทำสามารถแก้ปัญหาของผู้ใช้ได้ ซึ่งสิ่งที่จะต้องออกแบบก็มีมากมาย ต้องใช้ผู้เชี่ยวชาญหลายภาคส่วนเข้ามาช่วยกันเป็นทีม ทั้งผู้เชี่ยวชาญด้านเทคนิค ด้านธุรกิจ ด้านการจัดการIT และผู้ออกแบบหน้าตาโปรแกรม(UX/UI)

แล้วสิ่งที่ต้องออกแบบมีอะไรบ้างคร่าวๆ?

  • โครงสร้างพื้นฐานของโปรแกรม(Infrastructure)
  • ออกแบบโครงสร้างของฐานข้อมูล
  • ฟีเจอร์ต่างๆ เช่น เช็คอิน/เช็คเอาท์ การทำจอง แม่บ้าน หรือ การออกรายงาน
  • ออกแบบขั้นตอนโดยอิงกับสิ่งที่ผู้ใช้ต้องเจอในการแก้ปัญเป็นหลัก
  • ภาษาที่ใช้ในการเขียนโปรแกรม เช่น .net php html c java android โอยเยอะ
  • หน้าตาโปรแกรม(User Interface)

นี่ก็เป็นแค่สิ่งที่ต้องออกแบบเบื้องต้น ส่วนเบื้องลึกขอติดเอาไว้ก่อนแล้วกัน

เมื่อออกแบบเสร็จแล้ว เราก็ต้องทำSDPหรือService Design Packageเพื่อส่งต่อให้ทีมพัฒนา(Developer)ทำต่อไป ซึ่งขั้นตอนการออกแบบเนี่ยแหละสำคัญที่สุดในการชี้วัดว่าโปรแกรมตัวนั้นจะดีหรือไม่ดี สามารถตอบโจทย์ความต้องการของผู้ใช้ได้หรือไม่

3.ลงมือทำ

หลังจากได้SDPจากทีมออกแบบมาแล้ว ทีนี้ก็ถึงขั้นตอนการลงมือทำซักที ขั้นตอนนี้เราเรียกว่าService Transition คือการเปลี่ยนดีไซน์ให้ออกมาเป็นรูปธรรม ให้เป็นตัวโปรแกรมที่สามารถใช้ได้จริง ขั้นตอนนี้ก็ต้องใช้ผู้เชี่ยวชาญพิเศษที่เราเรียกกันว่าโปรแกรมเมอร์ ซึ่งอาจจะมีชื่อเรียกอื่นได้เช่นกัน เช่น DeveloperหรือCoder

สิ่งที่จะกำหนดว่าซอฟต์แวร์ตัวหนึ่งดีหรือไม่ดีนั้น นอกจากการออกแบบที่ดีแล้ว คนที่ลงมือสร้างหรือที่เราเรียกว่าเขียนโปรแกรมนั้นขึ้นมา ต้องมีทักษะ มีความรู้ และความเข้าใจอย่างมากด้วย ยกตัวอย่างเช่นซอฟต์แวร์สองตัวที่เขียนโดยคนสองคน อาจจะทำงานได้เหมือนกัน แต่ถ้าเราดูไปถึงข้างในแล้ว รูปแบบการเขียนอาจจะไม่เหมือนกันก็ได้ ซอฟต์แวร์ตัวหนึ่งเขียนมาได้มีประสิทธิภาพมากกว่า สามารถรองรับการพัฒนาต่อยอดได้ง่าย แต่กับอีกตัวเขียนแค่ให้พอใช้ได้ให้บรรลุเป้าหมายในการออกแบบ แต่เอามาพัฒนาต่อได้ยาก หรือใช้งานไปนานๆข้อมูลเริ่มยุ่งเหยิงเนื่องจากการเขียนโค้ดที่ไม่สะอาด ไม่ปราณีต

4.บำรุงรักษา

เมื่อถึงขั้นตอนนี้ ซอฟต์แวร์ก็ได้ออกมาเป็นตัวเป็นตนสามารถใช้งานได้แล้ว แต่มันไม่จบแค่นี้นะสิ เราต้องดูแลให้มันใช้งานได้อย่างดีด้วย ไม่ว่าจะเป็นการแก้ข้อผิดพลาดของโปรแกรม(Bug) *ซึ่งผมกล้าบอกตรงนี้เลยว่า ไม่มีซอฟต์แวร์ตัวไหนที่ไม่มีBug อยู่ที่จะมีมากหรือน้อย รุนแรงน้อยหรือรุนแรงมาก ดูแลระบบไม่ให้ล้มเหลว คอยทำให้แน่ใจว่าผู้ใช้จะได้รับมูลค่าเต็มๆจากการใช้ซอฟต์แวร์นั้น อีกทั้งยังต้องคอยช่วยเหลือและบริการผู้ใช้อีกด้วย

นี่ก็เป็นขั้นตอนคร่าวๆในการบำรุงรักษาซอฟต์แวร์หลังจากการพัฒนาหลัก

5.ปรับปรุงและพัฒนา

ทุกอย่างมันต้องมีการพัฒนา มันต้องดีขึ้น จริงไหม เช่นกัน ความต้องการของผู้ใช้ก็ไม่มีวันสิ้นสุดเหมือนกัน ปัญหาใหม่ๆของลูกค้ามีเสมอแหละ ซึ่งนั่นก็เป็นหน้าที่ของผู้พัฒนาซอฟต์แวร์ที่จะต้องคอยปรังปรุงโปรแกรมของตัวเองให้สามารถแก้ปัญหาใหม่ๆของผู้ใช้ได้ ซึ่งสิ่งที่จะสร้างปัญหาใหม่ให้ผู้ใช้ก็มีหลายปัจจัย ทั้งปัจจัยทางเทคโนโลยีที่เปลี่ยนไปเอย หรือพฤติกรรมของคนส่วนมากที่เปลี่ยนไป

ยกตัวอย่างเช่นการเข้ามาของเทคโนโลยีอินเตอร์เน็ต นักท่องเที่ยวก็หันมาจองโรงแรมออนไลน์กันมากขึ้น โรงแรมก็ต้องมีช่องทางเปิดไว้ให้ลูกค้าของตัวเองจองผ่านช่องทางออนไลน์ Smart Finderผู้ที่ทำซอฟต์แวร์สำหรับโรงแรมก็ต้องมองเห็นปัญหาเหล่านี้ของผู้ใช้ ก็ต้องทำระบบจองออนไลน์ผ่านเว็บไซต์ขึ้นมาเพื่อให้ลูกค้าเอาไว้ใช้เป็นช่องทางให้แขกตัวเองจอง อะไรประมาณนี้

ทั้งหมดนี้ก็คือขั้นตอนคร่าวๆว่ากว่าจะมาเป็นซอฟต์แวร์ที่เราใช้อยู่ขณะนี้ มันต้องผ่านอะไรมาบ้าง ต้องมีวิธีขั้นตอนการทำอย่างไรถึงจะออกมาเป็นโปรแกรมหนึ่งตัวให้ผู้ใช้ได้ใช้แก้ปัญหาได้ดีกว่าเดิม


บทความที่เกี่ยวข้อง
วิธีป้องกันการโดนแฮ็ก
ทำการตลาดโรงแรมด้วยเว็บไซต์

*ร่วมเป็นแขกรับเชิญเขียนบทความกับเรา ส่งบทความของคุณพร้อมชื่อ ประวัติ หรือรายละเอียดเพิ่มเติมมาทางอีเมล์ได้เลยที่ marketing@smartfinder.asia
ไม่พลาดทุกข่าวสาร บทความดีๆ อัพเดทโดนๆ กรอกอีเมล์ลงในช่องด้านล่างนี้ได้เลย แล้วทุกสิ่งทุกอย่างจะถูกส่งไปในเมล์ของคุณ
[mc4wp_form id=”1533″]