- เมื่อต้องรองรับอารมณ์ลูกค้าตลอดการทำงานบริการ ไหนจะโดน complain ไหนจะโดน worning ย่อมต้องหาเวลาสงบจิตสงบใจกันหน่อย ไม่อย่างนั้นความเครียดจะแสดงออกทางสีหน้า ส่งผลกระทบต่องานบริการ ซึ่งหัวหน้า หรือลูกค้าคนอื่นๆ คงจะไม่ปลื้มแน่ งั้นเรามาดูกันว่าสูตร Time จะช่วยให้สุขภาพจิตของคนโรงแรมดีขึ้นได้ยังไงบ้าง
T= Thinking
วิธีคิด ถือเป็นความสำคัญลำดับต้นๆ ที่จะเป็นตัวชี้ทิศทางบอกความรู้สึกของคุณ หลักการคิดที่มีคนพูดถึงบ่อยๆ ก็คือ Positive thinking แต่น้อยคนนักจะมีกำลังใจคิดบวกตลอดเวลา เราอยากให้คุณคิดอย่างนี้ค่ะ แขกที่มาเข้าพัก เราไม่ได้เจอเค้าเป็นเดือน เป็นปี เค้ามาพักแค่ชั่วคราว เพราะฉะนั้น หากเกิดเรื่องแย่ๆ ขึ้น คุณแค่ทำหน้าที่ของคุณให้ดีที่สุด ถ้าหากผลลัพธ์ยังไม่เป็นที่พอใจสำหรับเค้า ก็คงต้องปล่อยไป เดี๋ยวเค้าก็กลับแล้ว จบงานก็จบกัน อย่าเอามาคิดต่อ เจอกันข้างนอก เค้าอาจจะจำคุณไม่ได้ด้วยซ้ำ อดทนแค่ช่วงระยะเวลาสั้นๆ คิดซะว่าเจอกันแค่ครั้งเดียว เค้าอาจจะไม่ได้มาที่โรงแรมของคุณอีก แต่ถ้าเค้ามาอีก ก็แสดงว่าเค้าไม่ได้รู้สึกแย่ซะทีเดียวหรอก
I= Idol
บุคคลตัวอย่างจะทำให้คุณยึดแนวทางปฏิบัติที่เป็นความจริงได้มากยิ่งขึ้น ประมาณว่าคนแบบนี้ก็มีในชีวิตจริงนะ และคุณสามารถเป็นแบบเค้าได้ ไม่ว่าจะเป็น หัวหน้า หรือคนโรงแรมคนอื่นที่คุณเห็นว่าเค้าควบคุมอารมณ์ได้ดี สร้างความประทับใจให้กับลูกค้า แก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้ดี พาตัวเองเข้าไปอยู่ท่ามกลางคนเก่งๆ เหล่านั้นซะ แล้วพยายามสังเกตว่าเค้ามีพฤติกรรมอย่างไร(เลือกแต่สิ่งที่ดีด้วยนะ) เมื่อคุณได้เรียนรู้ และเข้าใจวิถีชีวิตของคนโรงแรมที่จัดการทุกอย่างเป็นเรื่องง่ายๆ คุณจะสนุกกับงานนี้มากกว่าที่เคยแน่นอน
M= Music
ดนตรีเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ หากต้องการพักพายุอารมณ์ของตัวคุณ ไม่งั้นคงไม่มีคำว่า“ดนตรีบำบัด” เกิดขึ้นมา
ศาสตราจารย์ เอเดรียน นอร์ท(Adrian North) ผู้เชี่ยวชาญด้านดนตรีจิตวิทยา ได้ทำการศึกษาพบว่า แนวดนตรีที่คนเราชอบฟัง สามารถแสดงถึงอุปนิสัย และความคิดได้ อาทิ
- คนที่ชอบฟังเพลงคลาสสิคจะมีความเคารพตนเองสูง มีความคิดสร้างสรรค์ เป็นคนเก็บตัว
- คนที่ชอบฟังเพลงแนวอินดี้ จะมีความคิดสร้างสรรค์ แต่มีความเคารพในตัวเองต่ำ ไม่มีความขยัน
- คนที่ชอบฟังเพลงฮิตติดชาร์ต เป็นคนมีความเคารพในตัวเองสูง ขยัน เข้ากับคนอื่นได้ง่าย แต่ไม่มีความคิดสร้างสรรค์ และค่อนข้างปิดตัวเอง
จะว่าไปแล้วเพลงที่ให้กำลังใจ ก็ช่วยให้รู้สึกดีขึ้นได้ เลยอยากแนะนำ ก็คือ ชัยชนะ-ป๊อด ลองฟังดู ไม่หวงสูตรจ้า
E=Eat
อันนี้ขอเป็นตัวเลือกสุดท้าย แต่รับรองผลนะ ความหวานช่วยให้อารมณ์ดีขึ้น หลายๆ คนก็อาจจะรู้อยู่แล้ว อย่างพวกช็อกโกแลต ที่ช่วยหลั่งสารเอ็นโดรฟิน(endorphin) ทำให้กล้ามเนื้อผ่อนคลาย เราจึงรู้สึกมีความสุข และอารมณ์ดี หรือแม้แต่ของมันก็ช่วยได้ ถึงจะทำให้อ้วนนนนนมากแค่ไหนก็ตาม สาเหตุก็เพราะ หากร่างกายของเรามีระดับคอเลสเตอรอลที่ต่ำเกินไปจะทำให้เกิดอาการเหนื่อยล้า ไม่อย่างนั้นก็กินพวกไขมันดี อย่างปลาทะเลแทน
ทางที่ดี แนะนำเป็นผลไม้ที่มีรสหวานแทน เช่น เมล่อน แตงโม อะโวคาโด(Avocado) เพราะน้ำตาลสามารถช่วยคลายเครียด แล้วยังปรับอารมณ์ให้สดชื่น ดูมีชีวิตชีวาอีกด้วย
หรือถ้าเป็นสถานการณ์ที่ปรี๊ดมาก หาอะไรพวกนี้มาไม่ทันจริงๆ ขอเสนอตัวช่วยสุดท้ายคือ น้ำเปล่า นั่นเอง ยิ่งเดือดมากเท่าไหร่ ดื่มไปเลยค่ะ เย็นๆ ให้ดับร้อน เพราะจะช่วยให้เราสดชื่น รู้สึกมีชีวิตชีวา ก่อนกลับไปลุยลูกค้า เอ้ย ให้บริการลูกค้าต่อนะคะ^^
ข้อควรระวัง! สำหรับ E-Eat คือ การกินอะไรที่มากเกินไปย่อมไม่ดีทั้งนั้น ไม่เว้นแม้กระทั่งน้ำดื่ม เพราะงั้นเอาให้พอดีนะคะ
โดยรวมแล้วการจะหยุดความเครียดจากการทำงาน ที่ต้องรองรับอารมณ์ของลูกค้าตลอดเวลา คุณต้องปรับเปลี่ยนวิธีคิด คิดซะว่าแขกไม่ได้อยู่กับเราตลอดไป ลองหาบุคคลตัวอย่าง เพื่อช่วยพัฒนาตัวเองให้มีความสามารถมากขึ้น ลองหามุมสงบ ฟังเพลงที่ชอบ ให้กำลังใจตัวเอง ไปจนถึงการกินสิ่งที่ช่วยให้อารมณ์คุณดีขึ้น
สุดท้ายแล้ว เวลาที่เกิดปัญหา ไม่ว่าสภาพแวดล้อมจะมากระทบยังไง ขึ้นอยู่กับตัวคุณ ที่ต้องหาเวลาให้ตัวเองได้พักผ่อน คลายเครียดสักหน่อย ซึ่งเป็นสูตรสำเร็จของ TIME นั่นเอง
บทความที่คุณอาจสนใจ
ทำไมคนโรงแรมเปลี่ยนงานบ่อย
โรงแรมของคุณเสี่ยงอยู่หรือเปล่า
อัพเดทบทความตรงถึงเมล์คุณ