ปัจจุบันนักท่องเที่ยว เกือบทั้งหมดจะใช้แอพที่เหมาะสมกับตัวเอง ใช้การสัมผัสเพียงเล็กน้อยก็สามารถพาพวกเขาไปที่อื่นได้อย่างรวดเร็ว ตั้งแต่การซื้อของแบบเดิมตามร้านขายของทั่วไป ไปจนถึงการวางแผนในช่วงวันหยุดยาว ที่มีภาพของชายหาดที่แปลกใหม่ รีวิวโรงแรม และรอตั๋วเครื่องบิน

ในระหว่างการเดินทางท่องเที่ยว แอพสามารถทำให้มันง่ายขึ้นที่จะทำสิ่งต่างๆ อย่างเช่น หาประตูสนามบิน, เช็คอิน, เที่ยวบิน และหากิจกรรมสนุกๆ ทำในปลายทาง แอพทำให้การเดินทางง่ายขึ้น และนักท่องเที่ยวมั่นใจในการซื้อมัน
ตามที่ Phocuswright’s U.S ได้ทำผลสำรวจการใช้เทคโนโลยีของนักท่องเที่ยว : รุ่นที่ 6 ว่า 70% ของนักท่องเที่ยว ที่เป็นเจ้าของ smartphone มีอย่างน้อย 1 แอพท่องเที่ยวที่ติดตั้งบนระบบปฏิบัติการของพวกเขา(ดูได้จากรูปที่ 1)

รูปที่ 1 : Travel app pic.docx

แอพพลิเคชั่นของสายการบินก็เป็นที่นิยมอย่างเห็นได้ชัด มากกว่าครึ่งของนักท่องเที่ยวอเมริกา ติดตั้งอย่างน้อย 1แอพ ในขณะที่แอพของสายการบินส่วนใหญ่มีฟังก์ชั่นให้ช็อปปิ้ง และจองได้ในแอพเดียว พวกเขายังสร้างเครื่องมือที่มีประโยชน์ในวันที่ออกเดินทาง ซึ่งช่วยให้นักท่องเที่ยวตรวจสอบสถานะเที่ยวบินของเขา เช็คอิน อัพเกรดที่นั่ง เที่ยวบิน และแม้แต่นำทางไปที่สนามบิน

นอกจากนี้ นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ของสหรัฐ มีสายการบินค่อนข้างน้อยให้เลือก (ยกเว้นประชากรบางคนของเมืองใหญ่) นักบินมักจะเป็นผู้พัฒนาความสัมพันธ์ของแบรนด์ด้วยสายการบินที่น้อยพวกเขาจึงใช้กันบ่อย ในกรณีที่ หนึ่งในสอง นักท่องเที่ยวสหรัฐที่มีความภักดีต่อโปรแกรมของสายการบิน ใชไม่บ่อยไปกว่า นักท่องเที่ยวที่ดาวน์โหลดแอพของสายการบิน น่าจะได้ใช้ประโยชน์ของพวกเขา

OTAs ยังขับเคลื่อนแอพพลิเคชั่นมากมายให้ดาวน์โหลดอีกด้วย สำหรับส่วนใหญ่ OTA จะเตรียมพร้อมโทรศัพท์มือถือก่อนสายการบิน และมีการลดลงภายหลังในปีล่าสุดเท่านั้น 44% ของนักท่องเที่ยวชาวสหรัฐ มีอย่างน้อย 1 แอพลิเคชั่น OTAsบนสมาร์ทโฟนของพวกเขา คาดว่า การนำแอพ OTA มาใช้อย่างต่อเนื่อง ในขณะที่แบรนด์ชั้นนำสร้างฟังก์ชั่นมือถือดีกว่า อย่างเพิ่มการแจ้งเตือนราคา แสดงเส้นทาง รีวิว ข่าวสารเส้นทาง และแน่นอนสามารถซื้อ และจองผ่านซัพพลายเออร์

โรงแรมล้าหลัง

อย่างไรก็ตามโรงแรมไม่ได้เฉลิมฉลองความสำเร็จที่เหมือนกัน 39% ของนักท่องเที่ยวสหรัฐเท่านั้น ที่ใช้แอพโรงแรมตามสายการบิน ที่สำคัญคือจ่ายเงินก่อน 16% นี่ไม่ควรจะเป็นกรณีพิจารณานักท่องเที่ยวสหรัฐที่มีแนวโน้มจะพักในโรงแรมทุกปี(92%) แทนที่จะนั่งเครื่องบิน (64%) โดยเฉพาะอย่างยิ่ง โรงแรมที่อยู่มายาวนาน และถูกจอง 2 ครั้ง บ่อยเท่ากับตั๋วเครื่องบิน

แต่ทำไมโรงแรมที่มีอุปสงค์สูงถึงไม่สามารถเปลี่ยนมาเป็นยอดดาวน์โหลดแอพได้?

มีแบรนด์โรงแรมที่ไกลสำหรับนักท่องเที่ยวที่เลือก จากขึ้นอยู่กับเชนใหญ่ๆ ตามด้วยเหตุการณ์การเช่าห้องพักที่เป็นส่วนตัว มากขึ้น มีโอกาสน้อยที่นักท่องเที่ยวจะเลือกซ้ำ เหมือนแบรนด์เดียวกันเมื่อเทียบกับสายการบิน นอกจากนี้ นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ของสหรัฐ ใช้เวลาท่องเที่ยวสองหรือสามทริปเท่านั้นต่อปี เดินทางไม่บ่อยนัก และสถานที่พักระจายมากขึ้น หมายความว่านักท่องเที่ยวมีโอกาสน้อยที่จะดาวน์โหลด แอพที่พวกเขาจะไม่ใช้บ่อย

ในขณะที่บางโรงแรมกำลังดำเนินการด้วยมือถือ พวกเขาค่อนข้างจะช้าในเกมเมื่อเทียบกับผู้เล่นคนอื่นๆ โรงแรมส่วนใหญ่ แก้ปัญหาโดยการเก็บเป้าหมายง่ายๆ ก่อน ด้วยการช็อปปิ้ง และสามารถจองห้องพัก เช็คอินห้อง และเรียกเก็บเงิน เหล่านี้เป็นพื้นฐาน อย่างไรก็ตาม คาดได้ว่าทุกวันนี้มือถือเป็นศูนย์กลางของโลก มีการรับรู้ และความต้องการมากมาย สำหรับฟังก์ชั่นที่มีเป้าหมายมากกว่า เช่น กุญแจห้องพักดิจิตอล บลูทูธควบคุมความบันเทิงในห้อง สามารถที่จะดู และนัดหมายการจองสปา หรือการจองอาหารมื้อค่ำ พูดคุยกับเจ้าหน้าที่โรงแรม หรือ ได้รับคำแนะนำแบบทันเวลาหรืออะไรซึ่งใกล้เคียง นี่เป็นเพียงตัวอย่าง

ความต้องการอุปกรณ์มือถือเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว สำหรับโรงแรม การสร้างแอพพลิเคชั่นรุ่นต่อไปต้องมาอย่างแน่นอนกับการแชร์ความท้าทาย แต่โรงแรมต้องชั่งน้ำหนักอุปสรรคเหล่านั้นกับต้นทุนของการไม่ทำอะไร นวัตกรรมมือถือสามารถให้ประสบการณ์ที่ดีกว่า ซึ่งในทางกลับกัน สามารถช่วยเฉพาะเจาะจงให้แบรนด์ติดอยู่ในใจสำหรับการจองครั้งต่อไปของนักท่องเที่ยว

ขอขอบคุณแหล่งที่มา : Brandie Wright จาก http://www.4hoteliers.com/

[x_share title=”แชร์ต่อให้เพื่อน” facebook=”true” twitter=”true”]